บลจ.อีสท์สปริงมองหุ้นไทยปีนี้ 1,520 จุด ย้ำกระจายลงทุนรับมือความผันผวน

HoonSmart.com>> บลจ.อีสท์สปริง มองเป้าหุ้นไทยปีนี้ 1,520 จุด แนะหุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยว กลุ่มอุปโภคและการบริโภค คาดกนง.ลดดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง แนะจัดพอร์ตกระจายลงทุนรับมือความผันผวน ทยอยสะสมหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำ คุณภาพสูง ตราสารหนี้ระดับ Investment Grade หุ้นเทค ส่วนหุ้นอินเดีย เวียดนามยังเด่น กองรีทไทย ปันผลสูง

นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 2567 มองเป้าหมายดัชนีที่ระดับ 1,520 จุด โดยกลุ่มที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยว กลุ่มอุปโภคบริโภครับภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านกลุ่มส่งออกยังมอง 50:50 แม้ค่าเงินบาทเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มส่งออก แต่เศรษฐกิจโลกยังมีปัจจัยเสี่ยง ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดปีนี้เติบโต 3.5% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมองว่ายังไม่ปรับลดลงเร็ว คาดว่าจะเริ่มเห็นในครึ่งปีหลังนี้ โดยมองภาพรวมแนวโน้มดอกเบี้ยไทยคล้ายกับสหรัฐ

สำหรับภาพรวมทั่วโลกกำลังจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นและเริ่มเข้าสู่ช่วงดอกเบี้ยขาลง โดยสิ่งที่ต้องติดตามคือ 1.การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งต้องติดตามว่าจะเป็นเพียงแค่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย 2.การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่อย่าง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ซึ่งมีแนวโน้มในการเปลี่ยนทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงิน เพียงแต่จะช้าหรือเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ และ 3.การเลือกตั้งของหลายประเทศในแต่ละภูมิภาค ทั้งไต้หวัน อินโดนีเซีย อินเดีย และสหรัฐฯ

“ภาพรวมการลงทุนใน 3-6 เดือนเน้น Play Safe กระจายความเสี่ยง ซึ่งธีมการลงทุนในปีนี้ ควรจัดสรรพอร์ตหลัก (Core Port) สัดส่วน 60-70% ที่เหลือเป็นพอร์ตเสริม (Satellite Port) เพื่อสร้างสมดุลของพอร์ต”นายยิ่งยง กล่าว

สำหรับดอกเบี้ยสหรัฐฯ มองว่ามีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2-4 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในบางกลุ่ม รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชนในระดับ Investment Grade แต่เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง อาจส่งผลให้โอกาสการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีค่อนข้างจำกัด จึงแนะนำให้สะสมกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำเพื่อลดความเสี่ยง เช่น EASTSPRING Global Low Volatility Equity Fund รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่เน้นคุณภาพอย่าง TMB Global Quality Growth และกองทุนที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของ Generative AI เช่น กองทุน EASTSPRING US Information Technology Fund

ส่วนภูมิภาคเอเชียมอง ตลาดหุ้นเวียดนาม และอินเดีย ถือเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อนข้างเติบโตได้โดดเด่น รวมถึงได้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มมีการกระจายฐานการผลิตออกจากจีน ประกอบกับเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างน่าสนใจในปีนี้ โดยกองทุนที่แนะนำได้แก่ TMB EASTSPRING Vietnam Active Equity Fund, TMB India Active Equity Fund และรวมถึงกองทุนหุ้นไทยอย่างกองทุนเปิดธนชาตเพิ่มพูนทรัพย์ปันผล T-PPSD ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้เช่นกัน

ในส่วนกลุ่มตราสารหนี้เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่เราค่อนข้างให้ความสนใจ โดยเฉพาะตราสารหนี้โลกในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาคเอกชนคุณภาพดี ในระดับ Investment grade แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนและถือครองกองทุนที่ลงทุนในตราสารดังกล่าว เพื่อเป็นพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) สำหรับปี 2567 โดยกองทุนแนะนำ ได้แก่ TMB Global Income และ EASTSPRING GIS Global Bond ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

นอกจากนี้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในไทยเป็นอีกสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน มีกระแสเงินสดต่อเนื่องจากรายได้ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดอกเบี้ยนิ่ง Valuation กอง REIT น่าสนใจ ปัจจุบันมีอัตราเงินปันผลสูงประมาณ 8-9% ต่อปี หากลงทุนระยะยาวมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ในช่วงไตรมาส 3-4 กอง REIT ไทยมักมีการเพิ่มทุนจึงเป็นแรงกดดันเล็กน้อย แต่ก็ยังน่าสนใจลงทุน โดยกอง REIT ในตลาดส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ได้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ออกหุ้นกู้แล้วมีปัญหา โดยมอง REIT ประเภทโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมน่าสนใจ

สำหรับกรณีหุ้นกู้ไทยที่จะมีครบกำหนด 1 ล้านล้านบาทในปีนี้ ซึ่งมีกลุ่มหุ้นกู้ High Yield Bond ครบดีลอีก 1 แสนล้านบาท มองว่ากลุ่มที่อาจมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้มาจากกลุ่ม High Yield ที่ไม่มีเรทติ้ง ซึ่งมองว่าจะเป็นเฉพาะกลุ่มเท่านั้นไม่น่าส่งผลกระทบในวงกว้าง

อ่านข่าว

บลจ.อีสท์สปริงเปิดตัวแอป Eastspring M Choice TH เสิร์ฟลูกค้าสำรองเลี้ยงชีพ