TU ถอนลงทุนหุ้น “เรด ล็อบสเตอร์” ทุ่ม 3.6 พันลบ. ลุยซื้อหุ้นคืนโชว์แกร่ง

HoonSmart.com>> “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” (TU) ถอนการลงทุน “เรด ล็อบสเตอร์ ” ตามแผนกลยุทธ์ใหม่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตในธุรกิจหลัก บุ๊กรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว 18,500 ล้านบาท จบในไตรมาส 4/66 ด้านอัตราส่วนหนี้ต่อทุนเพียง 0.84 เท่า โชว์สถานะการเงินแข็งแกร่ง ทุ่ม 3,600 ล้านบาท ลุยซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 200 ล้านหุ้น เริ่ม 20 ก.พ.- 30 มิ.ย.67

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอุตสาหกรรม อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของเรด ล็อบสเตอร์ ทำให้มีผลต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว คณะกรรมการบริษัทฯ มีความเห็นว่าธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ ที่มีความต้องการใช้เงินสูง ไม่สอดคล้องกับแผนการจัดสรรเงินลงทุนของบริษัทฯ ในฐานะผู้ลงทุน เราจึงตัดสินใจถอนการลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของเรด ล็อบสเตอร์ จำนวน 665.8 ล้านบาท หรือ 19 ล้านเหรียญ ซึ่งในระหว่างที่บริษัทฯ ศึกษาช่องทางที่เป็นไปได้ในการถอนการลงทุนนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 นี้ บริษัทฯ บันทึกเป็นรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว ที่จำนวนราว 18,500 ล้านบาท หรือประมาณ 530 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ หลังจากการบันทึกรายการด้อยค่าดังกล่าว ภาพรวมทางธุรกิจไทยยูเนี่ยนยังเติบโต มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และระดับหนี้ต่ำโดยมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนที่ 0.84 เท่า และเพื่อแสดงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินในวงเงินไม่เกิน 3,600 ล้านบาท หรือไม่เกิน 200 ล้านหุ้น โดยจะเริ่มซื้อหุ้นคืนวันที่ 20 ก.พ.- 30 มิ.ย.2567

วัตถุประสงค์ในการซื้อหุ้นคืน พื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และสร้างความเชื่อให้ผู้ลงทุนหรือผู้ถือหุ้นของบริษัท ในศักยภาะการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตของบริษัท รวมุถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถในการทำกำไร และเพิ่มอัตรากำไรในทุกธุรกิจหลัก โดยบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการจัดทำแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2573 ซึ่งจะให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจหลักคือ อาหารทะเลแปรรูปบรรจุกระป๋อง อาหารทะเลแช่แข็ง แช่เย็น และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และทำกำไร พร้อมสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้น