เจ้าพระยามหานครได้ฤกษ์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 19 พ.ย.เปิดผลงานไตรมาส 3/2561 กำไรสุทธิ 63 ล้านบาท ขยายตัวถึง 293% อัตรากำไรขั้นต้น 40 % ขณะที่ปี 2560 กำไรลดลง 19%
บริษัท เจ้าพระยามหานคร (CMC) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จะนำหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)ในวันที่ 19 พ.ย. 2561 หลังจากประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก(ไอพีโอ) จำนวน 250 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 750 ล้านบาท โดยมีนายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47 ล้านบาทหรือพุ่งขึ้น 293% จากที่มีกำไรสุทธิเพียง 16 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวม 9 เดือนปีนี้ กำไรทั้งสิ้น 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาทหรือ 165% จากที่มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,501 ล้านบาท เพิ่มจาก 1,057 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายลดลงจากจำนวน 172 ล้านบาท เหลือ 154 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดจาก 179 ล้านบาทเป็น 140 ล้านบาท
ขณะที่กำไรขั้นต้นดีขึ้นจาก 36.38% หรือ 439 ล้านบาท เพิ่มเป็น 633 ล้านบาทคิดเป็น 40.90%
คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท จากกำไรในช่วง 9 เดือนปีนี้ กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 30 พ.ย. 2561 และจ่ายเงินในวันที่ 12 ธ.ค. 2561
ส่วนผลงานรวมปี 2560 มีกำไรสุทธิ 126 ล้านบาท ลดลง 30 ล้านบาทหรือ ประมาณ 19% จากที่มีกำไรสุทธิ 156 ล้านบาท ในปี 2559
สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2560 ลดลง เกิดจากกำไรขั้นต้นลดลงจาก 879 ล้านบาทหรือ 41.22% มาอยู่ที่ 633 ล้านบาทคิดเป็น 37.82% ขณะที่รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ก็ ลดลงจาก 2,090 ล้านบาทเหลือ 1,525 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย ลดลงจาก 248 ล้านบาท เป็น 224 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง จาก 233 ล้านบาทเป็น 212 ล้านบาท
สำหรับ CMC ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว โดยเน้นพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมเป็นหลัก
2. พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อใหเ้ช่าและ 3.รับเหมาก่อสร้างและโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และผนัง