OR เปิดตัว CEO ปลุกเชื่อมั่นหุ้น กำไรโต 10-15% ฮับน้ำมันภูมิภาค ปั้นองค์กรดิจิทัล

HoonSmart.com>>”มล.ปีกทอง ทองใหญ่” เผยเป้าหมายนั่ง CEO “ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก” (OR) เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ลั่นปตท.มีคนเก่งผลักดันองค์กรโต สานต่อวิสัยทัศน์เดิม ผลักดันไทยส่งออกน้ำมันไปภูมิภาค ชิงส่วนแบ่งตลาดในประเทศจาก 35% เป็น 38% ปีนี้เล็ง EBITDA โต 10-15% ตั้งด้อยค่าลดลง ขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม สร้างธุรกิจใหม่ ซื้อกิจการที่ใหญ่และต่อยอดโตไปด้วยกัน ตั้งงบลงทุน 5 ปี 6 หมื่นล้านบาท ปีนี้ใช้ 1.9 หมื่นล้านบาท

วันที่ 31 ม.ค. 2568  บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ได้เปิดตัว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่  โดยม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการทำงานในหลายตำแหน่งในปตท. เริ่มต้นจากการเป็นวิศวกรในธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งการเข้ามาดูแลธุรกิจน้ำมันของ OR นับเป็นความท้าทายใหม่ เคยมีคนถามถึงเหตุผลในการสมัครเข้ามาชิงตำแหน่ง CEO ของ OR ขอตอบว่าเพื่อต้องการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ที่สะท้อนถึงราคาหุ้น ว่า ปตท.มีคนเก่งและจะทำหน้าที่ในการสื่อความเข้าใจและทำในสิ่งที่ถูกต้อง

ม.ล.ปีกทองประกาศว่ายังคงสานต่อวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน”และมุ่งเสริมความแข็งแกร่งองค์กรผ่าน 3 พันธกิจหลัก ทั้ง Seamless Mobility, All Lifestyles และ Global Market โดยใช้ดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล และหาโอกาสจากธุรกิจใหม่ พร้อมผลักดันไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ด้วยแนวคิด “They grow We grow” เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

พร้อมเน้นย้ำถึงการต่อยอดนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ ทั้ง ด้าน S: Small การสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย ด้าน D: Diversified การลงทุนในธุรกิจที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของ OR และ ด้าน G: Green การดูแลสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมา OR ได้สร้างผลงานที่โดดเด่น อาทิ การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนผ่านโครงการไทยเด็ด การสนับสนุนผู้เปราะบางทางสังคมผ่าน Café Amazon for Chance รวมถึงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ PTT Station ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050

ปัจจุบัน OR มีสถานีบริการจำนวน 2,000 แห่ง ร้านกาแฟ Cafe Amazon ประมาณ 4,500 แห่ง คอมมูนิตี้ 17,000 ชุมชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งการลงทุนยังคงเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องกลับมาพิจารณาว่าจะมีการใช้ประโยชน์จากสถานีบริการ หรือ Cafe Amazon ที่มีอยู่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร ทั้งการใช้พื้นที่และการเพิ่มบริการที่มีประสิทธิภาพ เช่น  Cafe Amazon จะต้องมีสินค้าของ OR อย่างน้อย 30-40%

“ธุรกิจนอนออยล์ เป็นตัวสร้างกำไร เพราะมีอัตรากำไรสูงมาก 25-30% และเป็นแม่เหล็กดึงทราฟฟิกเข้ามาในสถานีบริการ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 35% อย่างน้อยจะต้องกลับไปเป็น 38% เท่าปี 2566 เพื่อโตอย่างยั่งยืน OR จะเติบโตได้ทุกวิกฤต โดยใช้ความได้เปรียบด้านทรัพยากร ทั้งเงินและคนเก่ง ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2568  คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตตาม GDP ประมาณ  2-3% จากทุกกลุ่มเติบโต ส่วนกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเติบโต 10-15% ไม่น่าจะไม่มีการตั้งด้อยค่ามากเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย”

นอกจากนี้ OR ยังตั้งงบลงทุน 5 ปี รวม 60,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้จำนวน 19,000 ล้านบาท และยังมองหาโอกาสจากการซื้อกิจการ  มีสิ่งที่คาดหวัง 4 เรื่องคือ 1 ขนาดต้องใหญ่ เพราะต้องใช้บุคคลากรในการดำเนินการเท่ากัน ขนาดเล็กเกินไปไม่คุ้มค่า 2.การซื้อกิจการจะต้องนำไปขยายต่อยอดได้เพิ่มขึ้น 3. เกิดการซินเนอร์จี้ 4.การมาอยู่ร่วมกับ OR จะต้องทำให้บริษัทนั้นดีขึ้น

สำหรับการลงทุนธุรกิจ EV ยังคงมุ่งเน้นการขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่อง โดยปกติจะมีการลงทุนเฉลี่ยหลักพันล้านต่อปี แต่ในปีนี้คาดว่าเงินลงทุนน้อยกว่าพันล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่ถูกลง พร้อมปรับลดเป้าหมายการติดตั้งสถานีชาร์จตามเป้าหมายของภาครัฐ จากเดิมที่คาดว่าจะมีหัวชาร์จกว่า 10,000 หัวในปี 2573 แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า EV ลดลง ทำให้ OR ปรับลดเป้าหมายหัวชาร์จ DC ลดลงเหลือประมาณ 5,000 หัว และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนใน 7 ปีตามแผน

ม.ล.ปีทองกล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีความต้องการให้มีการปรับลดราคาน้ำมัน มองว่าต้องมีการพูดคุยกันก่อน แต่ไม่เชื่อว่าการลดราคาเป็นสิ่งที่ดีประเทศไทยผลิตน้ำมันเองได้น้อยมาก ไม่เกิน 15% ของความต้องการในประเทศ ดังนั้นราคาควรเป็นไปตามตลาดเพื่อให้คนไทยประหยัด และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น หากไม่ตระหนักไทยจะเสียดุลการค้าเพิ่มขึ้น

“การขับเคลื่อนองค์กรในยุคที่มีความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ จะต้องสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปรับแนวความคิดการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการ ‘They grow We grow’ โดยจะสร้างความเชื่อมั่นและการสื่อสารที่ใกล้ชิดผ่านโครงการ ‘CEO on tour’ เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ พนักงาน พันธมิตร นักลงทุน และสื่อมวลชน” หม่อมหลวงปีกทอง กล่าวเสริมในตอนท้าย

ในโอกาสนี้ หม่อมหลวงปีกทอง ได้เปิดตัว Facebook Fanpage “ต้น ปีกทอง – Tone Peekthong” อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลอีกด้วย

ทางด้านการซื้อขายหุ้น OR ราคาปิดที่ 11.60  บาทลดลง 0.20 บาทหรือ 1.69% ปรับตัวลงตามตลาดโดยรวม ดัชนีปิดที่ 1,314.50 จุด ร่วงลง -21.14 จุด หรือ-1.58% เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2568