KEX พุ่งแรงแซงราคาเทนเดอร์ ดัน BTS-VGI ขึ้นตาม

HoonSmart.com>> เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX พุ่งแรงชนซิลลิ่ง หลังเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นที่ 5.50 บาท สูงกว่าตลาด มีปันผลพิเศษ หนุนผู้ถือหุ้นใหญ่ BTS-VGI ขึ้นตาม ยันไม่เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์  บีทีเอสฯหวังกทม.มีเงินจ่ายหนี้ที่ค้างกว่า 5 หมื่นล้านบาท  หลังเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ ในราคา 15 บาทตลอดสาย  

ตลาดหุ้นวันแรกของปี (2ม.ค.2567) หุ้นบริษัทเคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย)หรือ KEX ร้อนแรงผิดปกติ  ราคาดีดชนซิลลิ่งที่ 6.40 บาท ก่อนย่อมาซื้อขายบริเวณ 5.95 บาทบวก 1.01  บาทหรือ +20.45% สำหรับการซื้อขายหุ้นครึ่งวัน

ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX ราคาปรับขึ้นตาม เช่น BTS ถือหุ้น 5.06%ราคาบวก 1% และ VGI ถือหุ้น 15.45%  ราคาพุ่งแรง  13.99% ปิดที่ 2.22  ส่วน BBL ถือหุ้น 0.98% ปรับตัวลง  แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX คงจะไม่ขายหุ้นออก เนื่องจากมีต้นทุนสูงกว่าตลาดมาก

สาเหตุที่ทำให้หุ้น KEX ได้รับความสนใจ เนื่องจากบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ SFTH ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นอยู่จำนวน 1,000 หุ้น จะเข้าถือหุ้นของบริษัทอีกจำนวน 467,373,855 หุ้น จากธุรกรรม  DIS (โดยจะรับโอนมาจาก Flourish Harmony Holdings Company Limited-FHHL) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ KLN ในวันเดียวกับที่ธุรกรรม DIS แล้วเสร็จ) ทำให้ SFTH ถือหุ้นทั้งสิ้นประมาณ  26.8% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด และมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท สูงกว่าตลาด แต่จะต้องได้รับการผ่อนผันการปฏิบัติตามหน้าที่การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดและขึ้นอยู่กับความสำเร็จของเงื่อนไขดังกล่าว

ตามประกาศของ KLN SFTH FHHL และ SF Holding (HK) Limited (บริษัทย่อยของ S.F. Holding Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น) ได้ตกลงยืนยันว่า หากเงื่อนไขของธุรกรรม DIS บรรลุผล SFTH จะยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ภายในสามวันทำการนับแต่วันที่เงื่อนไขบรรลุผล
และจะเริ่มรับซื้อหลักทรัพย์ในราคาเสนอซื้อที่ 5.50 บาทต่อหุ้น ภายในสามวันทำการหลังจากวันที่ยื่นคำเสนอซื้อตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ในประกาศของ KLN ยังระบุว่า SFTH ยังไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ การประกอบธุรกิจหลัก /ทรัพย์สินหลัก แผนการบริหารจัดการธุรกิจ แผนการลงทุน การบริหารจัดการ โครงสร้างทางการเงินหรือนโยบายการจ่ายเงินปันผล ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ภายในระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อ และ SFTH

นอกจากนี้ ไม่มีความตั้งใจที่จะเพิกถอนหลักทรัพย์ของกิจการออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในระยะเวลาดังกล่าว (เว้นแต่กฎหมาย และ/หรือ หลักเกณฑ์ กฎระเบียบจะกำหนดเป็นอย่างอื่น) อย่างไรก็ตาม ภายในระยะเวลาดังกล่าว SFTH อาจพิจารณาดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นตามความเหมาะสม ทั้งนี้ โดยขึ้นอยู่กับผลของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (และระดับของอำนาจในการควบคุมบริษัทของ SFTH ภายหลังจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์) รวมถึงขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะนั้นแผนพัฒนาและแผนการดำเนินงานของบริษัทด้วย

ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX คือ KLN Logistic Network Limited ที่เป็นบริษัท listed ในฮ่องกงได้แจ้งตลาดฮ่องกงเกี่ยวกับการประกาศจ่ายปันผลพิเศษแบบมีเงื่อนใข โดยการจ่ายปันผลเป็นหุ้น KEX จำนวน 907.2  ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของหุ้น KEX ภายหลังจากการทำธุรกรรมดังกล่าว KLN จะไม่มีหุ้น KEX อีกต่อไป

นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ (2 ม.ค.2567) เป็นวันแรกที่ BTS จะเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และ แบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ ในราคา 15 บาทตลอดสาย ทำให้กทม.จะมีรายได้มากขึ้น BTS ก็คาดหวังถึงโอกาสที่กทม.จะจ่ายหนี้ให้ BTS ได้เร็วขึ้น หรือง่ายขึ้น เพราะกทม.เป็นหนี้ BTS กว่า 5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การเก็บค่าโดยสาร 15 บาทครั้งนี้ ไม่ได้มีผลต่องบฯของ BTS เพราะส่วนต่อขยายเป็นส่วนนอกเหนือสัมปทานที่ทางกทม.จ้าง BTS เดินรถให้ ซึ่ง BTS ได้มีการบันทึกรับรู้รายได้จากเดินรถให้ทุกไตรมาส แม้จะยังไม่ได้เงิน พร้อมแนะนำ”ซื้อ”หุ้น BTS ให้ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท

สำหรับเรื่อง KEX ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น เป็นการเปลี่ยนภายในกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่มีการทำเทนเดอร์ฯด้วย ซึ่ง BTS ลงทุน KEX ทั้งทางตรง และทางอ้อมผ่าน VGI ที่เข้าไปลงทุนใน KEX ตอนนี้ VGI ยังไม่รู้จะทำอย่างไรกับ KEX เพราะทุกวันนี้ก็ยังต้องรับรู้ผลขาดทุนจาก KEX อยู่ โดย 9 เดือนปี 2566 รับรู้ผลขาดทุนจาก KEX กว่า 44% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนปี 2565 ที่ KEX ขาดทุน 2,725 ล้านบาท

ทั้งนี้ หาก VGI ขาย KEX ในราคาเทนเดอร์ที่ 5.50 บาท ทาง VGI ก็ต้องรับรู้ผลขาดทุน เพราะต้นทุนของ VGI สูงกว่าราคาเทนเดอร์ แต่ถ้าไม่ขายก็ต้องหาวิธีลดการรับรู้ผลขาดทุน ขณะนี้ VGI กำลังหาแนวทางอยู่

ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ ระบุ VGI ถือหุ้น KEX ในสัดส่วน 15.45% และ BTS ถือหุ้น KEX ในสัดส่วน 5.06% และ BTS ถือหุ้น VGI ในสัดส่วน 31.30%

ด้านผลการดำเนินงานของ KEX  ประสบปัญหาขาดทุนมานาน ล่าสุดในไตรมาสที่ 3/2566 ขาดทุนสุทธิ 889.86 ล้านบาท รวม 9 เดือนขาดทุนทั้งสิ้น  2,725.09 ล้านบาท เพราะการแข่งขันทางธุรกิจสูง