ดาวโจนส์บวก 111 จุด ทำระดับสูงสุดใหม่

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์บวก 111 จุด ทำระดับสูงสุดใหม่ S&P 500 ใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ด้านราคาน้ำมันดิบ ลดลง 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ที่ 37,656.52 จุด เพิ่มขึ้น 111.19 จุด หรือ +0.30% ซึ่งเป็น ระดับสูงสุดใหม่ จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,781.58 จุด เพิ่มขึ้น 6.83 จุด, +0.14% และห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,796.56 ในเดือนมกราคม 2022 ไม่ถึง 0.5%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,099.18 จุด เพิ่มขึ้น 24.60 จุด, +0.16%

ทั้งสามดัชนีหลักปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 8 สัปดาห์แล้วซึ่งเป็นการปรับขึ้นติดกันนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 และนักลงทุนจับตาตลาดจะปรับขึ้นต่ออีกจากที่ปรับขึ้นมาแล้วสองเดือนติดกัน ซึ่งดัชนี S&P 500 เดินหน้าสู่การปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004 และปรับขึ้นแล้วประมาณ 13% นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน

ในปีนี้ ทั้งสามดัชนีปรับขึ้นในอัตราเลขสองหลัก โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นมากกว่า 24% ในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นกว่า 13% และดัชนี Nasdaq นำการปรับขึ้นประมาณ 44%

การปรับขึ้นของหุ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มาจากการที่นักลงทุนคาดหวังมากขึ้นว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม และอัตราเงินเฟ้อลดลงเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด นอกจากนี้เทรดเดอร์หลายรายมองว่ากรที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบ soft-landing ในปีหน้าบ่งชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวขึ้นอีกในหุ้นสหรัฐฯ

แม้ความเชื่อมั่นดีขึ้น แต่นักลงทุนบางส่วนก็กังวลว่าตลาดอาจมองในทางบวกมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดหวังหากเฟดเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่คาด โดยแซม สโตวัล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ CFRA กล่าวว่า Fed funds futures บ่งชี้เห็นถึงความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นเดือนมีนาคมปีหน้า ตามเครื่องมือ FedWatch ของกลุ่ม CME

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73.9% ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมีนาคม

จูลี เบียล ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอและหัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Kayne Anderson Rudnick กล่าวว่า มีความคาดหวังสูงมากในตอนนี้ ทำให้กังวล เพราะอาจจะผิดหวังได้ ดูเหมือนว่าเฟดยังคงให้ความสำคัญกับการจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนในช่วงปี 1970

อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นแทบไม่ขยับ เพราะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนจะสิ้นปี ขณะที่เกิดความกังวลจากการที่ตลาดอยู่ในระดับซื้อมากเกินไป(overbought)

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัว หุ้นของ New York Timesเพิ่มขึ้นกว่า 2% หลังจากที่ยื่นฟ้อง Microsoft และ OpenAI โดยกล่าวหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา หุ้นMicrosoft ลดลง 0.15%

หุ้น Apple บวก 0.05% หลังจากศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อการนำเข้า Apple Watch ของบริษัททำให้ยังคงจำหน่าย Apple Watch ซีรีส์ 9 และ Apple Watch Ultra 2 ได้ต่อไปในช่วงปลายปี

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากมุมมองในทางบวกที่มีมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม

กลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น โดยกลุ่มทคโนโลยีบวก 0.7% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์บวก 0.8%
ในขณะที่บริษัทเดินเรือปรับตัวลดลงจากรายงานข่าวว่า มีการกลับมาใช้การขนส่งผ่านคลองสุเอซและทะเลแดงอีกครั้ง

หุ้น Maersk ของเดนมาร์กลดลง 4.7% จากการจัดตารางเวลาเรือหลายสิบลำเพื่อเดินทางผ่านคลองสุเอซในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณเพิ่มเติมว่าบริษัทเดินเรือทั่วโลกกำลังกลับมาใช้เส้นทางทะเลแดงหลังจากหยุดไปเมื่อต้นเดือนนี้ จากการโจมตีโดยกลุ่ม ฮูติของเยเมน

หุ้นบริษัทเดินเรืออื่นๆ เช่น Hapag Lloyd, Frontline, Hoegh Autoliners, Wallenius Wilhelmsen และ Hafnia ลดลงระหว่าง 1.3% ถึง 8.2%

ปริมาณการซื้อขายคาดว่าจะเบาบางหลังตลาดกลับมาเปิดทำการจากที่หยุดวันคริสต์มาสและเหลือวันทำการอีกไม่กี่วันในปีนี้ ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 7 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว และเพิ่มขึ้นเกือบ 13% แล้วในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด

หุ้นBayer บริษัทเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชรายใหญ่ของเยอรมนี บวก 2.3% หลังแจ้งว่า บริษัทชนะคดีที่ชายชาวแคลิฟอร์เนียฟ้องร้องว่าเขาเป็นมะเร็งจากการสัมผัสกับยาฆ่าวัชพืช Roundup ของบริษัท

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 478.62 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด, +0.21%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,724.95 จุด เพิ่มขึ้น 27.44 จุด, +0.36%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,571.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด, +0.04%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,742.07 จุด เพิ่มขึ้น 35.89 จุด, +0.21%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง ลดลง 1.46 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 79.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล