TOP สู้!บังคับหลักประกันได้ 12,339 ล้านบ. จากผู้รับเหมาหลัก เดินหน้า’พลังงานสะอาด’

HoonSmart.com>>”ไทยออยล์” (TOP) พุ่งขึ้น 5.88% เปิดข่าวดีเกินคาด บังคับหลักประกันได้สูงถึง  12,339 ล้านบาท  จากกลุ่มผู้รับเหมาหลัก (UJV) ตามสิทธิรับประกันผลงานโครงการพลังงานสะอาด (CFP) บล.บัวหลวงคาดบันทึกเป็นรายได้อื่นในงบกำไรปี 68 เฉียด 5 บาท/หุ้น บล.หยวนต้าแนะเทรดดิ้ง ราคาหุ้นถูก  คาดไตรมาส 4/67กำไร 2,400 ล้านบาท 

วันที่ 24 ม.ค. 2568 หุ้นบริษัทไทยออยล์ (TOP) พุ่งขึ้นแรงในช่วงบ่าย และปิดที่ระดับสูงสุด 27 บาท บวก 1.50 บาทหรือ+5.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 877.87 ล้านบาท

สาเหตุที่ทำให้หุ้น TOP ปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจาก Samsung E&A มีการเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเกาหลีใต้เกี่ยวกับ
การชำระเงิน บริษัท ไทยออยล์ ในฐานะเจ้าของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ได้มีการบังคับหลักประกัน ใช้สิทธิตามการรับประกันผลงาน (Performance Bond) โดยเรียกใช้พันธบัตรประกัน (Bond Call) คิดเป็นประมาณ 86% ของมูลค่ารับประกันทั้งหมดที่กิจการร่วมการค้า UJV (Samsung, Petrofac และ Saipem) ได้ทำสัญญาไว้กับ TOP และได้ชำระคืนให้กับธนาคารที่ออกพันธบัตรเป็นจำนวนเงินรวม 88,800 ล้านวอน หรือประมาณ 2,200 ล้านบาท

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยออยล์ (TOP) ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทไทยออยล์ ได้มีการบังคับหลักประกัน ภายใต้สัญญาจ้างเหมาทำของ การออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC Contract) ระหว่างบริษัท และ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ an unincorporated joint venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) ตามสัญญาฯ และเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ 12,339 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อผลักดันโครงการ CFP ให้เดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด

ทางด้านบล.บัวหลวงวิเคราะห์ว่า กลุ่มผู้รับเหมาหลัก (UJV) โครงการ CFP ได้จ่ายเงินทดแทนให้กับธนาคารที่ออกพันธบัตรค้ำประกันตามที่ TOP ใช้สิทธิเรียกร้อง คาดว่า TOP จะได้รับเงินทดแทนราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็น 4.6 บาท/หุ้น) จะบันทึกเข้ามาเป็นรายได้อื่นในงบกำไรขาดทุนปี 2568 (คิดเป็น upside ราว 67% จากประมาณการปัจจุบัน ) ข่าวนี้น่าจะเป็น positive sentiment ในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม TOP ยังคงมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ CFP ที่บริษัทขยายระยะเวลาลงทุน  จึงยังคงแนะนำให้”ถือ”มูลค่าเหมาะสม 27 บาท

ส่วนบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ “เทรดดิ้ง” ให้ราคาเหมาะสม 35 บาท เพื่อรอดูความชัดเจนของการเดินหน้าโครงการ CFP ในการประชุม EGM วันที่ 21 ก.พ.นี้  พิจารณาอนุมัติเพิ่มเงินลงทุน (ออกเสียงอนุมัติมากกว่า 50%) นอกจากนี้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับฐานแรง -27%  เชิง Valuation ซื้อขายบน P/BV ต่ำเพียง 0.3 เท่า (ส่วนลดมากกว่า-2.0SD)  สะท้อนปัจจัยลบจากงบลงทุนโครงการ CFP ที่เพิ่มขึ้นไปมากแล้ว และ Downside จำกัด

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 คาดจะทำกำไรได้ 2,400 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่พลิกจากขาดทุนในไตรมาสที่ 3 ซึ่งดีขึ้นทั้งกำไรปกติและขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง คาดกำไรปกติอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท -20% YoY แต่เติบโตสูง QoQ จากฐานต่ำ หนุนด้วยการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน, ดีเซล,และน้ำมันหล่อลื่น

“หากไตรมาส 4 เป็นไปตามคาด กำไรปกติทั้งปี 2567 จะมี Downside 7% ส่วนแนวโน้มไตรมาสแรกปี 2568  เบื้องต้นคาดประคองตัว QoQ เพราะมีโอกาสบันทึกกำไรสต็อกน้ำมันและค่าใช้จ่ายลดลง ช่วยชดเชยมาร์จิ้นน้ำมันหล่อลื่นที่ลดลงได้คงประมาณการปี 2568 ที่ 11,000 ล้านบาท”บล.หยวนต้าระบุ