“ดาวโจนส์”ปิดบวก 56 จุด สัญญาณดอกเบี้ยลดหนุน

HoonSmart.com>>  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 37,305.16 จุด เพิ่มขึ้น 56.81 จุด ได้แรงหนุนจากเฟดส่งสัญญาลดดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 71.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ 37,305.16 จุด เพิ่มขึ้น 56.81 จุด หรือ 0.15% หลังจากซื้อขายผันผวนซึ่งสร้างสถิติใหม่ระหว่างวัน เพราะการส่งสัญญานลดดอกเบี้ยในปี 2024 ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังเป็นแรงหนุนให้ตลาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,719.19 จุด ลดลง 0.36 จุด, -0.001%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,813.92 จุด เพิ่มขึ้น 52.36 จุด, +0.35%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.9%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.5% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.8% และทั้งสามดัชนีหลักยังปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 การเคลื่อนไหวของราคาอาจสูงเกินปกติเนื่องจากการหมดอายุของสัญญาล่วงหน้า(futures) ดัชนีหุ้นและ options ต่างๆ พร้อมกัน รวมถึง optionsของหุ้นแต่ละตัว ในไตรมาสที่เรียกว่า “triple Witching” แต่การให้ความเห็นเมื่อวันศุกร์ของประธานธนาคารเฟดแห่งนิวยอร์ก นายจอห์น วิลเลียมส์ ที่ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเฟดยังคงมุ่งดึงเงินเฟ้อลงในกรอบ 2% ได้บั่นทอนมุมมองทางบวกส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภคที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยต่างลดลงมากกว่า 1% หลังปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้
หุ้น Costco บวก 4.5% หลังทำ all-time high ระหว่างวันจากการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกสูงกว่าคาด และประกาศจ่ายปันผล 15 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ตลาดปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่เฟดระบุว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2024 ซึ่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนปริมาณการซื้อขายเมื่อวานนี้สูงถึง 19.76 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับปริมาณเฉลี่ย 11.8 พันล้านหุ้นในรอบ 20 วันทำการที่ผ่านมา ตลาดยังได้แรงหนุนจากการรายงานผลสำรวจกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศเดือนธันวาคมที่กระเตื้องขึ้น ท่ามกลางยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและความต้องการแรงงาน ซึ่งอาจช่วยคลายความวิตกต่อการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจในไตรมาส 4

เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 51.0 สูงสุดในรอบ 5 เดือน จาก 50.7 ในเดือนพฤศจิกายน แต่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นลดลงมาที่ 48.2 ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จาก 49.4 ในเดือนพฤศจิกายน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เพราะยังคงขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แม้การวิ่งขึ้นจะอ่อนตัวลงหลังธนาคารกลางยุโรป(ECB)มีน้ำเสียงนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากกว่าเมื่อเทียบกับเฟด

นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ดับความคาดหวังของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง หลังจากที่ ECB ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันพฤหัสบดี

นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หลังการรายงานข้อมูลของหลายประเทศ โดยเงินเฟ้อฝรั่งเศสเดือนพฤศจิกายนลดลง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบรายปี และข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมของภาคเอกชนในฝรั่งเศสและเยอรมนีย่ำแย่ลงจากเดือนก่อน ส่งผลให้ทั้งปีหดตัวลึกลงไปอีกจากความต้องการสินค้าและบริการที่ต่ำ

ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนธันวาคมของ ยูโรโซนลดลงเหลือ 47.0 จาก 47.6 ในเดือนก่อน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 48.0 ดัชนีPMI ภาคการผลิตยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 44.2 แต่ต่ำกว่าที่คาด ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการลดลงมากกว่าคาดการณ์เหลือ 48.1.

ธนาคารกลางของเยอรมนี(Bundesbank) ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากการหดตัวในปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงที่ปรับตามปฏิทินจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในปี 2024 หลังจากที่ลดลง 0.1% ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายนว่าจะขยายตัว 1.2% ในปีหน้า

หุ้น H&M บริษัทแฟชั่นใหญ่อันดับสองของโลกลดลง 0.4% หลังรายงานยอดขายในสกุลเงินท้องถิ่นเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนลดลง 4% ซึ่งลดลงมากสุดนับตั้งแต่ไตรมาสสามปี 2022
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 476.61 จุด เพิ่มขึ้น 0.04 จุด หรือ +0.01% และปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,576.36 จุด ลดลง 72.62 จุด, -0.95%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,596.91 จุด เพิ่มขึ้น 21.06 จุด, +0.28%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,751.44 จุด ลดลง 0.79 จุด, -0.005%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 71.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 76.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล