หุ้นโลกขึ้นแรง เฟดส่งซิกลดดอกเบี้ยเยอะ หนุน’เช่าซื้อ-ไฟฟ้า-อิเล็กฯ-อสังหาฯ’

HoonSmart.com>>ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แจกของขวัญวันคริสต์มาส ส่งสัญญาณปรับทิศทางดอกเบี้ยที่ขึ้นมาหลายปี ถึงเวลาปรับลดลงในปี 67 อย่างน้อย 3 ครั้ง มากกว่าที่ตลาดคาดจะลงเพียง 2 ครั้ง ส่วนปี 68 มีโอกาสหั่นมากถึง 4 ครั้ง หลังคุมเงินเฟ้อเข้าเป้า  หนุนหุ้นโลกทะยานขึ้นแรง นำโดยดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด ส่วนหุ้นไทยกระโดด 1.54% จากฝีมือนักลงทุนต่างชาติไล่ซื้อหุ้นใหญ่กลับถึง 3,480 ล้านบาท ผลจากดอลลาร์อ่อน เงินบาทแข็งปิด 35.02/04 บาท บอนด์ยีลด์ลดลงเร็ว แรงซื้อพุ่งเป้าธุรกิจไฟฟ้า เช่าซื้อ อิเล็กทรอนิกส์ อสังหาริมทรัพย์ที่แบกต้นทุนทางการเงินสูงมานาน

วันที่ 14 ธ.ค.2566 ตลาดหุ้นไทยเปิดกระโดดตามตลาดต่างประเทศ มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผลักดันดัชนีปิดที่ระดับ 1,378.94 จุด เพิ่มขึ้น 20.97 จุด หรือ 1.54% มูลค่าการซื้อขาย 40,897.67 ล้านบาท ได้แรงซื้อมาจากนักลงทุนต่างชาติมากถึง 3,480.27 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนไทยขายทำกำไร  2,945.18 ล้านบาท  ส่วนตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติขายตราสารหนี้ไทย จำนวน 1,008 ล้านบาท

ข่าวดีของตลาดหุ้นมาจากธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ที่สำคัญคือ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ได้ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2567 ซึ่งมากกว่าที่บ่งชี้ไว้ก่อนหน้านี้ เพียง 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง ส่วนในปี 2567 มีโอกาสปรับลดถึง 4 ครั้ง ทำให้เงินไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้น ส่วนสินทรัพย์เสี่ยง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ(บอนด์ยีลด์) ของสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลงต่ำกว่า 4% และเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ทำให้ค่าเงินภูมิภาคแข็งขึ้นรวมถึงเงินบาท จูงใจให้เงินไหลเข้ามาลงทุน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยตกต่ำมายาวนาน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติแห่ขายหุ้นมากเกือบ 2 แสนล้านบาท เมื่อมีข่าวดีเข้ามา  จึงมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลับคืน  โดยกลุ่มที่มีความโดดเด่นนอกจากเรื่องกำไรเติบโตแล้ว ยังมีเรื่องต้นทุนดอกเบี้ยที่จะลดลงตามตลาดโลก  ส่งผลบวกต่อธุรกิจที่มีหนี้สินสูงๆ เช่น กลุ่มไฟฟ้า เช่าซื้อ  อสังหาริมทรัพย์ที่มีการกู้เงินมาลงทุน รวมถึงหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ราคาบวกขึ้นมาตามตลาดต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีความน่าสนใจ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจเติบโตต่ำ  กระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน คาดว่าจะผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปต่อไม่มากนัก ยกเว้นว่าจะมีปัจจยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน

สำหรับการซื้อขายด้วยโปรแกรมเทรดมียอดซื้อสุทธิ 1,737.77  ล้านบาท โดยมีหุ้น TIDLOR ซื้อขาย 410 ล้านบาท สัดส่วนมากถึง 47.56% เทียบกับการซื้อขายปกติ ตามด้วย  HANA มูลค่า 567 ล้านบาท สัดส่วน 43.83 % และ DELTA  มูลค่า 724 ล้านบาท สัดส่วน 41.19%