ดาวโจนส์ปิดบวก 173 จุด เงินเฟ้อทรงตัว รอผลประชุมเฟด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งสามแห่งปิดบวก ทำจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ หลังเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ออกมาตามคาด จับตากการประชุมเฟด ตลาดคาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่  5.25%-5.5% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร  ด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงมากกว่า 3% ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 12 ธ.ค. 2566 ที่ 36,577.94 จุด เพิ่มขึ้น 173.01 จุด หรือ 0.48% ปรับขึ้นติดกันเป็นวันที่ 4 หลังการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อค่อนข้างทรงตัว ก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,643.70 จุด เพิ่มขึ้น 21.26 จุด, +0.46%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,533.40 จุด เพิ่มขึ้น 100.91 จุด, +0.70%

ทั้งสามดัชนีหลักแตะระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ระหว่างวัน โดยดัชนี S&P 500 แตะระดับสูงสุดระหว่างวันนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2022 ส่วนดัชนี Nasdaq และดัชนี Dowแตะระดับสูงสุดระหว่างวันนับตั้งแต่เดือนเม.ย.และม.ค.ของปีที่แล้ว ตามลำดับ

กระทรวงแรงงานรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) หรือดัชนีเงินเฟ้อ ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับ 3.1% ที่นักวิเคราะห์คาดจากการสำรวจของ Dow Jones และลดลงเล็กน้อยจาก 3.2% ในเดือนต.ค.แต่เมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1%
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 4.0% เมื่อเทียบรายปี และสอดคล้องกับที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปีในเดือนต.ค.ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่เงินเฟ้อพื้นฐานรายปีไม่ลดลง เมื่อเทียบรายเดือนเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% สูงกว่า 0.2% ในเดือนต.ค.เล็กน้อย แต่สอดคลองกับที่นักวิเคราะห์คาด

หลังการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้อตลาดปรับตัวลง แต่ฟื้นตัวหลังจากนักลงทุนรับรู้ข้อมูลแล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 4.21%

อดัม ไครซาฟุลลี ผู้ก่อตั้งและประธาน Vital Knowledge กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อสอดคล้องกับการคาดการณ์อย่างมาก และเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

นักลงทุนหันไปจับตาการแถลงผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันพรุ่งนี้ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่  5.25%-5.5% แต่ก็จะวิเคราะห์ซึ่งความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ เพื่อหาสัญญาณว่าเมื่อไรจะปรับลดดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตามนักลงทุนรอการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตในวันพุธ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และยอดค้าปลีก

หุ้นออราเคิล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 12.44% หลังจาบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากรายได้ของธุรกิจคลาวด์ชะลอตัวลง

ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร หลังจากการรายงานข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสวนกับคาดการณ์ ทำให้เกิดความกังวลท่ามกลางการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศใหญ่ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ,ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรป ในสัปดาห์นี้

ไรอัน แบรนด์แฮม จาก Validus Risk Management กล่าวว่า ตัวเลข CPI ของสหรัฐฯ เป็นไปตามที่คาดไว้เป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อดูเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ที่ 4% จึงมีความเสี่ยงที่การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอาจไม่เกินเร็วตามที่ตลาดคาดหวัง

นอกจากนี้ การเติบโตของค่าจ้างของอังกฤษที่ชะลอตัวมากที่สุดในรอบเกือบสองปี ก็มีผลต่อตลาด แม้อาจจะยังคงเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปสำหรับธนาคารแห่งอังกฤษที่จะผ่อนคลายจุดยืนต่อการลดอัตราดอกเบี้ย

หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า บวก 0.8% จากแผนการที่จะซื้อบริษัทIcosavax บริษัทพัฒนาวัคซีนของสหรัฐในมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 472.72 จุด ลดลง 0.98 จุด, -0.21%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,542.77 จุด ลดลง 2.12 จุด, -0.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,543.55 จุด ลดลง 7.98 จุด, -0.11%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,791.74 จุด ลดลง 2.69 จุด, -0.02%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 68.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 73.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งราคาน้ำมันดิบ WTI และBRENT ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ด้วยความวิตกที่กลับมาอีกครั้งว่าการขนส่งในตะวันออกกลางจะชะงักหลังเรือน้ำมันนอร์เวย์ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธจากกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน