‘ไทยยูเนี่ยน’ ขึ้นเบอร์หนึ่ง ปีที่ 11 ด้านความยั่งยืนโลก อุตสาหกรรมอาหาร

HoonSmart.com>>”ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” (TU) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารของโลก จาก DJSI ประจำปี 2567 ด้วยคะแนนรวมสูงสุด 85 คะแนน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 

บริษัทไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน โดยดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices:  DJSI)  เป็นดัชนีที่ประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนหลายพันแห่ง ซึ่งบริษัทฯ ได้รับอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารจากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ในปี 2561, 2562 และ 2565

สำหรับปีนี้ ไทยยูเนี่ยน ได้รับคะแนนความยั่งยืนในมิติด้านธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม, และสังคม โดยรวมที่เปอร์เซ็นต์ไทล์ใน 9 หัวข้อ ได้แก่ 1.ความโปร่งใสและการรายงานผลการดำเนินงานอย่างเปิดเผย 2.การระบุและการจัดลำดับประเด็นที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสียทั้งด้านบวกและลบ3.การบริหารจัดการความเสี่ยงและภาวะวิกฤต 4.การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน 5. การดำเนินกลยุทธ์ด้านภาษี 6. นโยบายและระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม 7. ความหลากหลายทางชีวภาพ 8. สิทธิมนุษยชน และ 9. สุขภาพและโภชนาการ

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป  กล่าวว่า การที่ไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารของ DJSI ครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งและสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความพยายามในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกันของพนักงาน คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange®2030 เรามุ่งสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนควบคู่ไปกับการดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นทั้งในการดำเนินงานของเราและตลอดทั้งอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก เพื่อผู้คนและโลกของเราอย่างยั่งยืน

ในปีที่ผ่านมาของไทยยูเนี่ยนมีความคืบหน้าในการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน ดังนี้
• เปิดตัวโครงการนำร่องลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการเลี้ยงกุ้ง ร่วมกับ องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระดับโลก The Nature Conservancy (TNC) และ บริษัท อาโฮลด์ เดอแลซ สหรัฐอเมริกา (Ahold Delhaize USA) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกระดับโลก ภายใต้เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานกุ้งอย่างยั่งยืน

• ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ได้การรับรองมาตรฐานอาหารสัตว์ระดับโลกจากองค์กร Aquaculture Stewardship Council หรือ ASC เป็นแห่งแรกในเอเชีย ในการสร้างมาตรฐานใหม่ในการผลิตอาหารสัตว์เศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้กับภูมิภาคนี้

• ไทยยูเนี่ยนจับมือหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ประกาศความสำเร็จโครงการลดการปล่อยน้ำทิ้งสู่สาธารณะเป็นศูนย์ (Zero Wastewater Discharge) แห่งแรก ณ โรงงานไทยยูเนี่ยน จังหวัดสมุทรสาคร

• ร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม เซเว่น คลีน ซี (Seven Clean Sea) และองค์กรเพื่อสังคม เซคันด์ ไลฟ์ (Second Life) 2 พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำนวัตกรรมมาใช้ในการลดปริมาณขยะพลาสติกไหลออกสู่ท้องทะเล

• การดำเนินงานตามนโยบายการจ้างงานสากลที่เป็นธรรม โปร่งใส และเป็นไปตามแนวปฏิบัติในการสรรหาบุคลากร

เป้าหมายของกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ซึ่งประกอบด้วย 11 พันธกิจ ซึ่งรวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 การฟื้นฟูระบบนิเวศ โดยไทยยูเนี่ยนจะสนับสนุนงบประมาณ 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศสำคัญ

นายอดัม เบรนนัน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป  กล่าวว่า การได้รับการจัดอันดับในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้เราเดินหน้าสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ภายใต้กลยุทธ์ SeaChange®2030 ที่เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของไทยยูเนี่ยน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เพียงแต่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายหลายเรื่อง เช่น การลดความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ และการสร้างงานที่ปลอดภัย มีคุณค่า และเท่าเทียม เพื่อมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกสำหรับคนรุ่นต่อไป

ในแต่ละปี S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) จะทำการประเมินการทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัททั่วโลก โดยทุกปีจะมีบริษัทมากกว่า 3,000 แห่ง จาก 62 อุตสาหกรรมเข้าร่วม โดย CSA ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เช่น ไทยยูเนี่ยน สามารถวัดผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมที่หลากหลาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักลงทุนที่เน้นเรื่องความยั่งยืน

ปัจจุบันบริษัท ไทยยูเนี่ยน  เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ รสชาติอร่อย และเปี่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์ ออกสู่ตลาดและผู้บริโภคทั่วโลกมากว่า 47 ปี ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 136,153 ล้านบาท (3,912 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

“ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita”

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans” โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship

ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 พร้อมขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ( DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน และยังได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับหนึ่ง 3 ปีติดต่อกัน และในปี 2566 ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2023 ตลอดจนได้รับผลการประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนระดับ B จากสถาบันประเมินความยั่งยืนที่น่าเชื่อถือระดับโลก Carbon Disclosure Project (CDP) สะท้อนความความโปร่งใสและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ในปี 2567 ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนได้ที่ seachangesustainability.org

 

 
 
———————————————————————————————————————————————————–