TIPH คงเป้าเบี้ยรับ 3.5 หมื่นล. โครงการรัฐ-ท่องเที่ยวหนุน

HoonSmart.com>>ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) ยืนเป้าเบี้ยรับรวมปีนี้ 3.5 หมื่นล้านบาทเดินหน้ารุกตลาดประกันภัยอิงโครงการรัฐ โครงการในอีอีซี การท่องเที่ยวฟื้นตัว สานต่อแผนขยายการเติบโตในประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งบริษัทปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยชิงตลาดเงินกู้นอกระบบ ลุยปล่อยกู้ 1 แสนราย

นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) เปิดเผยว่า ปี 2566 ยังคงเป้าหมายเบี้ยรับรวมของ บริษัททิพยประกันภัย (TIP)ที่ 35,000 ล้านบาท จากงวด 9 เดือนที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 23,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน การที่ยังคงเป้าหมายเดิมไว้เพราะคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ จากการที่ภาครัฐมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นจำนวนมาก รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่เคยชะลอไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้เดินหน้าแล้ว และยังได้ร่วมกับภาคเอกชนพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้บริษัทมองว่ามีโอกาสในการเข้าไปรับประกันภัยในโครงการต่างๆ เหล่านี้ รวมถึงธุรกิจภาคการท่องเที่ยว การขนส่ง มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายงานรับประกันภัยเพิ่มขึ้น

สำหรับ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะมีการออกประกันสุขภาพ ประกันภัยสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติม ตามแผนที่จะมีการออกสินค้าใหม่ทุกๆ เดือน เดือนละ 1 ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ารายบุคคล ซึ่งเดือนนี้มีการออกประกันภัยรถยนต์ และ ประกันภัยพ.ร.บ. ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันที่อยู่อาศัยไปแล้ว ขณะที่เดือนถัดไป จะมีการออกประกันภัยที่ขายผ่านออนไลน์ และ ประกันภัยไซเบอร์

“ประกันภัยออนไลน์ ภายใต้บริษัทย่อยอินชัวร์เวิร์ส เราตั้งเป้าเบี้ย 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี และถ้าบรรลุเป้าหมายก็จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ “นายสมพร กล่าว

นายสมพร กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ บริษัททิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ งวด 9 เดือนแรกมีรายได้รวม 11,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% กำไรสุทธิ 1,242 ล้านบาท เติบโต 60.8% งบเฉพาะบริษัททิพยประกันภัย มีเบี้ยประกันภัย 23,096 ล้านบาท เติบโต 6% กำไรจากการรับประกันภัย 2,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.4% กำไรจากการลงทุนสุทธิ 720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.9% กำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.8%

 

ขณะที่ บริษัทในกลุ่มสนับสนุนธุรกิจประกันภัย ประกอบด้วยบริษัท DP Survey,Amity,TIP Academy มีกำไรสุทธิรวม 40.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% บริษัทในกลุ่มธุรกิจอื่น บริษัทมีที่มีเงิน มีกำไรสุทธิ จำนวน 23.7 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าในการลงทุนและการดำเนินธุรกิจ บริษัท Insurverse เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มียอดเข้าร่วมผ่าน Social media เป็นอันดับ 1 ที่ 5.18 ล้านครั้งต่อเดือน ในขณะที่ DP Survey รายได้รวม 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% กำไรสุทธิรวม 27.8 ล้านบาท เติบโต 44.9% บริษัท Amity Insurance Broker รายได้รวม 229.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% กำไรสุทธิรวม 9.1 ล้านบาท เติบโต 9.5%

 

บริษัท มีที่มีเงิน ที่ร่วมกับธนาคารออมสิน มีกำไรสุทธิ 23.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากการที่ได้ดำเนินธุรกิจเต็มที่ในปีนี้ โดยมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 78% ของเป้าหมายที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด 5% และยังเพิ่มช่องทางผ่านสาขาธนาคารพันธมิตร สาขาทิพยประกันภัย และสาขาเครือข่ายของบริษัทบางจากในการขยายสินเชื่อกับพันธมิตร 380 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับธนาคารออมสินจัดตั้ง บริษัทเงินดีดี เพื่อปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่กู้เงินนอกระบบในต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า ซึ่งตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในปีแรกให้ได้ 1 แสนราย

“เราเข้ามาตอบโจทย์เพนพ้อยท์ของประชาชน ที่พึ่งพาเงินนอกระบบที่มีวิธีการปฏิบัติที่ไม่เป็นมิตร จึงสร้างแหล่งเงินทุนให้เข้าถึงง่ายภายใต้ต้นทุนที่ถูกกว่า”นายสมพร กล่าว

นายสมพร กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยได้ทำการศึกษาการลงทุนโดยตรงเพิ่มเติมในธุรกิจประกันชีวิตในลาว คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ และศึกษาการลงทุนในกัมพูชาเพิ่มเติม ซึ่งมองว่ามีโอกาสในการเติบโตสูง และเหมาะสำหรับการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจากตลาดประกันวินาศภัยเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 9 ปีที่่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 6.95% ปัจจุบันกัมพูชามี 1 บริษัทประกันภัยที่ครองตลาดมากกว่า 40% ในขณะที่บริษัทประกันภัยอื่นมีส่วนแบ่งตลาดเป็นสัดส่วนน้อย ทำให้ TIPH มีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดต่ำ และจะสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดได้จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัยของบริษัททิพยประกันภัย