IRPC เจ๋ง Q1/67 กำไรกระฉูด 1,545 ล้านบ. EBITDA 4,680 ลบ.พุ่ง 132% สต๊อกช่วย 2 พันลบ.

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี” (IRPC) โตก้าวกระโดด ไตรมาส 1/67 กวาดกำไร  1,545 ล้านบาท พุ่งขึ้น 413% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและพลิกจากขาดทุน 3,417 ล้านบาท ในไตรมาส 4/66 รายได้จากการขายสุทธิลดลงเพียง 1% ได้ราคาเพิ่มขึ้นช่วย มี EBITDA 4,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% จากไตรมาส 1/66 มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน  2,284 ล้านบาท

บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/2567 มีกำไรสุทธิ 1,544.55 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหุ้นละ 0.08 บาท เพิ่มขึ้น 413%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 300.72 ล้านบาท หรือ 0.01 บาทต่อหุ้น (YoY) และพลิกจากขาดทุนสุทธิ 3,417 ล้านบาทในไตรมาส 4/2566 ที่ผ่านมา(QoQ)

บริษัทฯมีรายได้จากการขายสุทธิ 74,644 ล้านบาท ลดลง 652 ล้านบาท คิดเป็น 1%เทียบกับไตรมาส 4/2566 สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายลดลง 3% ตามกำลังการผลิตที่ลดลง ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2% สำหรับธุรกิจปิโตรเลียมมีกำไรขั้นต้นจากการกลั่นตามราคาตลาด ( Market GRM) ที่เพิ่มขึ้นโดยบริษัทจัดจำหน่ายน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 (Euro V ) ซึ่งมีกำมะถันไม่เกิน 10 ppm ภายในประเทศ ตามนโยบายรัฐบาล ส่งผลให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลที่บริษัทจำหน่ายปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาดของกลุ่มธุรกิจ (Market PTF) ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มโอเลฟินส์ที่ได้รับปัจัยสนับสนุนหลักจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของประเทศอินโดนีเซีย หลังจากรัฐบาลเตรียมประกาศแผนบังคับใช้ใบอนุญาตสำหรับการนำเข้าเคมีภัณฑ์

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคมีกำไรขั้นต้นคงที่จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด( Market GIM) อยู่ที่ 5,618 ล้านบาท (9.45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) เพิ่มขึ้น 107%

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบันทึกกำไรจากสต๊อกจำนวน 901 ล้านบาท หรือ 1.52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล การกลับรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่ได้รับ (กลับรายการ NRV) 1,324 ล้านบาทหรือ 2.23 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และกำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่เกิดขึ้นจริง 59 ล้านบาทหรือ 0.10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทฯบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิ รวม 2,284 ล้านบาทหรือ 3.85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM )จำนวน 7,902 ล้านบาทหรือ 13.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 978%

นอกจากนี้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 4,680 ล้านบาท พลิกจากติดลบ จำนวน 2,256 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/2567 ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทอ่อน ทำให้บันทึกขาดทุนจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 319 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้จำนวน 134 ล้านบาท

หากเทียบไตรมาส 1/2566 รายได้จากการขายสุทธิลดลง 1,116 ล้านบาท คิดเป็น 1% สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายลดลง 8% ตามกำลังการผลิตที่ลดลง ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7% สำหรับธุรกิจปิโตรเลียมมี Market GRM ที่ลดลง โดยหลักลดลงจากกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคายางมะตอยเทียบกับราคาน้ำเตาลดลง ขณะที่กลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิงมี Market GRM เพิ่มขึ้น นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมี Market  PTF ที่ลดลงตามความต้องการที่ซบเซาต่อเนื่อง

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคมีกำไรขั้นต้นคงที่ ส่งผลให้บริษัทมี Market GIM ลดลง 21%

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบันทึกกำไรจากสต๊อกจำนวน 2,284 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมี Accounting GIM อยู่ที่ 7,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48%นอกจากนี้บริษัทฯ มี EBITDA อยู่ที่ 4,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132%