DELTA ยืนเป้ายอดขายโต 2 หลัก ไอซีที เอไอ ชิ้นส่วนอีวีดันครึ่งหลัง

HoonSmart.com>> เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) ยืนเป้ายอดขายโต 2 หลัก คาดธุรกิจเร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ความต้องการสินค้ากลุ่ม ICT ครอบคลุมดาต้าเซ็นเตอร์ -เอไอ-ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า มีแนวโน้มเติบโตดีมาก ด้านฟิลลิปแนะทยอยซื้อ กสิกรฯแนะถือ

นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) หรือ DELTA กล่าวว่า ภาพรวมทั้งปียังคงรักษาระดับการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 2 หลักเช่นเดิม เพราะคาดว่าเศรษฐกิจจะมีการเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลังจะทำให้ธุรกิจของบริษัทเร่งตัวขึ้นด้วย

กลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ในปีนี้ ที่เด่นๆ คือ โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ  โทรคมนาคม แยกเป็น ศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ และ เอไอ มีการเติบโตดี และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมากตลอดทั้งปี รวมถึงแอปพลิเคชั่น เอไอ ที่ทำให้มีความต้องการ GPU หรือ หน่วยประมวลผลสมรรถภาพสูง อย่างต่อเนื่อง ถ้าสามารถผลิต GPU ออกมารองรับตลาดได้ก็จะทำให้สามารถรองรับ แอปพลิเคชั่นที่มีการใช้ข้อมูลมาก อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เติบโตอย่างรวดเร็ว

รวมถึง กลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า และโซลูชั่นพลังงานสำหรับแอปพลิเคชั่นปัญญาประดิษฐ์(AI) อาทิ เครื่องชาร์จไฟเร็ว DC เป็นตัวหลักขับเคลื่อนรายได้จากความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาร์จไฟกำลังสูง 150kW-360kW สำหรับยานยนต์และรัฐวิสาหกิจ แม้ว่ายอดขายยานยนต์ไฟฟ้าจะมีการชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา

“AI เป็น Strong Growth ที่จะเติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่วนโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคในส่วนของ ICT ที่เรียกว่า solution สนับสนุนลูกค้าสร้าง Data Center ตรงนี้ ขายทั้งในส่วนของฮาร์ตแวร์และเซอร์วิส โดยสนับสนุน Power management solution ต่างๆ ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะ Data Center ที่มีโครงสร้างรองรับ เอไอ แอปพลิเคชั่น มีแนวโน้มเติบโตมากในปีนี้ ซึ่งรายได้จะมาจากการ ที่เซอร์วิสให้ลูกค้าด้วยนอกเหนือจากการขายอุปกรณ์ กลุ่มคอนซูเมอร์ และกลุ่มลูกค้าองค์กรยังทรงตัว อาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นเพราะลูกค้าในตลาดมีความหลากหลาย แต่จะเพิ่มขึ้นไม่มาก “นายวิคเตอร์ กล่าว

นายวิคเตอร์ กล่าวว่า 3 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์โลกไม่ดี จากความท้าทายภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์ แต่บริษัทฯสามารถเข้าไปในตลาดในหลากหลายมิติ และมีการลงทุนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกใช้เงินลงทุนไปแล้ว 350 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้า และขยายขอบเขตความสามารถในการวิจัยและพัฒนา และส่งเสริม การพัฒนา ตัวเอง อย่างต่อเนื่อง โดยได้ก่อสร้างโรงงานและศูนย์วิจัยพัฒนาแห่งใหม่ แห่งที่ 8 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้ว ใช้เงินลงทุนกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยระบบการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับและจัดเก็บวัตถุดิบถึงขั้นตอนการผลิตต่างๆ อาทิ การวางชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บนแผงวงจร(SMT) การประกอบแผงวงจร (PWBA) การประกอบชิ้นส่วนต่างๆ และ burn-in พร้อมการตรวจสอบสินค้าขั้นสุดท้ายก่อนส่งมอบ

ด้านราคาหุ้น DELTA วันนี้ (7 พ.ค.2567 ) ปิดที่ 73.00 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 4.29% มูลค่าการซื้อขาย 1,610.78 ล้านบาท

 

2 โบรกฯคาดรายได้ฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำทยอยซื้อ DELTA ทางฝ่ายฯประเมินราคาหุ้นโดยใช้ P/E เฉลี่ยของ DELTA KCE HANA ย้อนหลัง 1ปี +1.0STD ที่ 47.0 เท่า ปรับราคาพื้นฐานลงที่ 74.50บาท แต่ปัจจุบันราคาหุ้นค่อนข้างผันผวนและปรับตัวลงแรงทำให้มี up side เพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้มาก โดยมีการปรับลดกำไรสุทธิปี 2567 ลง -2.5% อยู่ที่ 19,799.2 ล้านบาท +7.5% y-y

ทั้งนี้ คาดรายได้ DELTA ในไตรมาส 2 ปีนี้จะฟื้นตัว q-q เล็กน้อย เห็นสัญญาณลูกค้า EV car ในยุโรปดีขึ้น ธุรกิจ Data center จะเริ่มฟื้นตัวได้จากการที่ต้อง upgrade ระบบ และ Infrastructure คาดว่ายังฟื้นตัวได้ต่อ, GPM ดีขึ้น q-q จากไม่มีการตั้งสำรองการปรับมูลค่ายุติธรรมวัตถุดิบ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่าย 1Time คาดทำให้กำไรสุทธิฟื้นตัวขึ้นได้ q-q แต่ยังอ่อนตัว y-y มองว่าตลาด EV carและ data center จะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567

นอกจากนี้  DELTA ได้ประโยชน์จากกระแสดีมานด์ AI ที่เพิ่มขึ้น รายได้จาก AI-related จะเร่งตัวขึ้นในปี 2567 ได้ดี จาก cloud update, Big data ซึ่งมาควบคู่กับ Technical fee ที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทแม่ ทำให้มองว่าปีนี้จะมี SG&A to sale สูงขึ้นแต่ปัจจุบันDELTA พยายามพัฒนาสินค้า high Power solution ที่เกี่ยวข้องกับ AI เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ที่ต้องจ่าย Technical fee ให้กับบริษัทแม่ลดลง เพื่อจะทำให้SG&A to sale ดีขึ้นได้ในอนาคต

บล.กสิกรไทย คงคําแนะนํา “ถือ” DELTA โดยปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 79 บาท จาก 81 บาท ตามการปรับลดประมาณการกําไรปกติปี 2567 ลงเหลือ 19,100 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ของ DELTA จะเริ่มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2567 เป็นต้นไป แต่จะมองเห็นการเติบโตมากขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม EV จากสหรัฐฯ และจีน และคาดว่าที่ค่าใช้จ่ายการลงทุน (capex) ทั่วโลกด้านเซิร์ฟเวอร์และระบบคลาวด์จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในไตรมาส 2 ปี 2567 จากแนวโน้เศรษฐกิจมหภาคที่มีความระมัดระวังน้อยลงและการนํา AI มาใช้ ด้าน GPM อาจกลับไปที่ระดับ 23-24% โดยได้แรงหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลารส์ หรัฐฯ