HoonSmart.com>>โค้งสุดท้ายลงทุน “กองทุน ThaiESG” ลดหย่อนภาษีปี 67 ผ่าน “3 กองทุน 3 สไตล์การลงทุน” ตามระดับความเสี่ยง จาก “บลจ.เอ็มเอฟซี” (MFC) ลงทุน “หุ้น-ตราสารหนี้ไทย” ในกิจการที่มุ่งเน้นความยั่งยืน โอกาสเติบโตไปกับธีมลงทุน ESG เทรนด์ “รักษ์โลก” พร้อมเงื่อนไขใหม่!! ระยะเวลาลงทุนสั้น 5 ปี เซฟภาษีสูงสุดได้ถึง 3 แสนบาท เป็นปีแรก
บรรยากาศการลงทุน “ตลาดหุ้นไทย” ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 67 ท่ามกลางความผันผวน ดัชนีปรับตัวลงแรง แต่สำหรับการลงทุนระยะยาว พร้อมรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี อาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ “หุ้น” ในราคาถูก เพื่อสร้างผลตอบแทนจาก “หุ้นยั่งยืน” ที่มีความโดดเด่นทางด้าน “ESG” กับกิจการที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance) ผ่าน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” (ThaiESG)
หรือจะเลือกลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงผ่าน “Green Bond” ตราสารหนี้สีเขียว ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน เพื่อความอุ่นใจ
พร้อมเงื่อนไขใหม่ที่จูงใจในปีนี้ ด้วยการขยายวงเงินลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท (จากเดิม 100,000 บาท) ไม่นับรวมวงเงินกองทุน RMF-SSF และลดระยะเวลาถือครองเหลือเพียง 5 ปี (จากเดิม 8 ปี)
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) ช่วยตอบโจทย์การลงทุนให้นักลงทุนทุกกลุ่มด้วย “3 กองทุน ThaiESG” 3 สไตล์ตามระดับความเสี่ยง เริ่มตั้งแต่เสี่ยงต่ำ ปานกลางไปจนถึงเสี่ยงสูง กับ 3 นโยบายการลงทุน ใน “ตราสารหนี้” หรือจะขยับ “ลงทุนผสม” ในหุ้นและตราสารหนี้ หรือจะเป็น “หุ้น” ล้วนๆ เพื่อโอกาสในการสร้างมูลค่าเงินลงทุน มีให้เลือกครบ จบที่ MFC
เริ่มต้นด้วย กองทุนตราสารหนี้ “MSOV-ThaiESG” หรือ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน” ด้วยความเสี่ยงต่ำระดับ 3 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)
“ลงทุนแบบ….ถือสบายใจกันไปยาวๆ พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนอย่างยั่งยืน”
กองทุน “MSOV-ThaiESG” มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้หรือตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – linked Bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
พอร์ตการลงทุน (ณ วันที่ 29 พ.ย.2567 : ข้อมูล MFC)
- ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืนสำหรับ ปรับโครงสร้างหนี้(พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19) ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ครั้งที่ 5 สัดส่วน 43.01%
- ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืน สำหรับบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ครั้งที่ 1 สัดส่วน 38.52%
- ลงทุนพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนรุ่น SLB406A สัดส่วน 5.64%
ขยับความเสี่ยงขึ้นไปอีกนิดกับ กองทุนผสมหุ้นและตราสารหนี้ “MFLEX-ThaiESG” หรือ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลไทยเพื่อความยั่งยืน” ระดับความเสี่ยงกองทุน 5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)
“กระจายการลงทุนในหุ้น และ ตราสารหนี้ยั่งยืน ให้ผลตอบแทนดี มีความอุ่นใจ”
กองทุน “MFLEX-ThaiESG” มีนโยบายกระจายการลงทุนในตราสารทุน และ/หรือตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก และอื่นๆ โดยกองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีส่วนในการส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability) ให้ประเทศไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป และสามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้
นอกจากนี้ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง จึงเหมาะกับนักลงทุนต้องการรับผลตอบแทนในรูป “เงินปันผล” คืนระหว่างทางลงทุนไปต่อเนื่อง
“เป้าหมายของกองทุนจะเน้นลงทุนหุ้นบริษัทจดทะเบียนใน SET และ/หรือ mai ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือ ESG รวมทั้งจะลงทุนในตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond) และพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond)”
พอร์ตการลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก (ณ วันที่ 29 พ.ย.2567 : ข้อมูล MFC)
- พันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืน สำหรับบริหารหนี้ให้กู้ต่อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ครั้งที่ 1 สัดส่วน 6.96%
- พันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืนสำหรับ ปรับโครงสร้างหนี้(พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19) ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ครั้งที่ 5 สัดส่วน 6.94%
- พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย งวดที่ 12/364/66 สัดส่วน 5.96%
- หุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) สัดส่วน 5.39%
- หุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) สัดส่วน 4.18%
ปิดท้ายที่ กองทุนหุ้นไทยตัวท๊อป “MT25-ThaiESG” หรือ “กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีท็อป 25 หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน” ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) พร้อมโอกาสได้รับ “ผลตอบแทนสูง”
“กองทุนลงทุนในหุ้นตัวท็อป 25 บริษัทแรก ในดัชนี SET ESG Index”
กองทุน “MT25-ThaiESG” มีนโยบาย เน้นลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET ESG Index จำนวน 25 บริษัทแรกที่ผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ โดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) , การเปิดเผยข้อมูลด้านการบริหารจัดการ ESG และการได้รับการจัดอันดับ ESG Ratings หรือ ESG Scores จากสถาบันการจัดอันดับ ที่เป็นอิสระ
นอกจากนี้ จะมีการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) ไม่ให้เกิน 5 หลักทรัพย์ โดยบริษัทจัดการจะทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และกันยายน
กองทุน “MT25-ThaiESG” เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว สามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 1 ครั้ง สำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนในรูป “เงินปันผล” คืนระหว่างทาง
พอร์ตการลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก (ณ วันที่ 29 พ.ย.2567 : ข้อมูล MFC)
- หุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) สัดส่วน 9.65%
- หุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) สัดส่วน 9.49%
- หุ้นบริษัท ปตท. (PTT) สัดส่วน 9.41%
- หุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) สัดส่วน 8.33%
- หุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) สัดส่วน 6.45%
ด้านกระบวนการคัดเลือกหลักทรัพย์ เพื่อลงทุนของทั้ง 3 กองทุน จะผ่านกระบวนการวิเคราะห์ที่ MFC นำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณา เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ปัจจุบันมีหลักทรัพย์ที่ผ่านเกณฑ์ SET ESG Rating ประจำปี 2567 จำนวน 228 บริษัท ซึ่งมี Rating ตั้งแต่ AAA – BBB
หาก “บริษัท” ไหนมีข่าวเกี่ยวข้องกับ ESG ซึ่งอาจส่งผลต่อ ESG ของบริษัทอย่างมาก เช่น ผู้บริหารมีการทุจริต, มีการปล่อยสารพิษสู่ธรรมชาติ, หรือการค้ามนุษย์ เป็นต้น ทาง MFC จะ “ไม่ลงทุนเพิ่ม” หรือ “ขายหลักทรัพย์” นั้นออกไป
นับถอยหลัง สำหรับนักลงทุนสาย “รักษ์โลก” ผ่านกองทุน ThaiESG กับโอกาสลงทุน พร้อมรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีมากขึ้นกว่าเดิม ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจบปี 67 นี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.เอ็มเอฟซี โทร. 0-2649-2000 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.mfcfund.com