ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 203 จุด หุ้นไมโครซอฟต์ทำนิวไฮ Nasdaq สูงสุดรอบ 22 เดือน

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 203 จุด จากหุ้นไมโครซอฟต์ทำนิวไฮในรอบ 52 สัปดาห์  และ Nvidia ปิดที่ระดับ all-time high  ส่วน Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.13% แตะระดับ 14,284.53 จุด สูงสุดรอบ 22 เดือน ด้านตลาดหุ้นยุโรปบวกต่อ จากความคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่า 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 20 พ.ย. 2566 ที่ 35,151.04 จุด เพิ่มขึ้น 203.76 จุด หรือ 0.58% จากการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นไมโครซอฟต์และ Nvidia ขณะที่นักลงทุนรอหาสัญญาณว่าเมื่อไรที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,547.38 จุด เพิ่มขึ้น 33.36 จุด, +0.74%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,284.53 จุด เพิ่มขึ้น 159.05 จุด, +1.13% แตะระดับสูงสุดรอบ 22 เดือน

หุ้นไมโครซอฟต์บวก 2% ไปที่ระดับสูงสุดรอบ 52 สัปดาห์ หลังสัตยา นาเดลลา ซีอีโอประกาศว่านายแซม อัลท์แมน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) จะเข้ามาร่วมงานกับบริษัท

หุ้น Nvidia บวก 2.3% ปิดที่ระดับ all-time high ก่อนการรายงานผลประกอบการในบ่ายวันอังคาร

กลุ่มบริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากที่สุดใน S&P 500 โดยเพิ่มขึ้น 1.5% และ 1% ตามลำดับ หุ้นPalo Alto Networks เพิ่มขึ้น 5.2% หุ้น Intel บวก 2.1% หุ้น Netflix เพิ่มขึ้น 1.8%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ที่ลดลงหลังการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปีวงเงิน 16 พันล้านดอลลาร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 4.4%

เคน โพลคารี หุ้นส่วนผู้จัดการของ Kace Capital Advisors กล่าวว่า ตลาดวิ่งขึ้นแรงเกินไป จากการเปลี่ยนมุมมองต่อเฟดอย่างรวดเร็วว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดจะปรับฐานในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า ก่อนที่จะเห็นการวิ่งขึ้นช่วงเทศกาลคริสต์มาสตามปกติ

เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์มองให้น้ำหนักเกือบเต็มที่ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในเดือนธ.ค. และเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนพย.ของเฟดในวันอังคาร เพื่อหาสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมทั้งเกาะติดยอดขายในช่วงแบล็ค ฟรายเดย์ที่จะช่วยวัดสถานะการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ

ตลาดสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องจากเป็นวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนวันศุกร์จะซื้อขายครึ่งวัน

หุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 4.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ปรับเพิ่มน้ำหนักคำแนะนำการลงทุนเป็น Buy จาก Hold พร้อมกับปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเป็น 270 ดอลลาร์ จาก 204 ดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ซึ่งปรับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนด้วยแรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่การร่วงลงของหุ้น Bayer ถ่วงกลุ่มเฮลธ์แคร์และดัชนีเยอรมนี ได้มาถึงระดับสูงสุดแล้วและในที่สุดจะปรับลดดอกเบี้ย

ในขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่า ECB  ในปี 2024 โดยจะเริ่มลดดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดครั้งแรกในเดือนเม.ย. แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรปก็ดับมุมมองทางบวกของตลาด โดยส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง

กลุ่มพลังงานนำการปรับขึ้นบวก 1.3% ตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จากการคาดการณ์ว่ากลุ่ม OPEC+ จะปรับลดกำลังการผลิตลงอีกในอีกไม่กี่สัปดาห์
กลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง 0.4% หลังหุ้น Bayer ร่วง 18.0% และแตะระดับต่ำสุดช่วงสั้นๆในรอบ 14 ปี จากการยกเลิกการทดสอบยาต้านการแข็งตัวของหลอดเลือดตัวใหม่นอกจากนี้มีรายงานว่า บริษัทยังถูกสั่งให้จ่ายเงิน 1.56 พันล้านดอลลาร์ในคดีฟ้องร้องล่าสุดในสหรัฐเกี่ยวกับยาฆ่าหญ้า Roundup ด้วย

ข้อมูลจากยูโรโซนบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค.ลดลงตามคาด และลดลงจากที่ร่วงหนักเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย.

หุ้นอิตาลีปรับตัวขึ้นหลัง Moody’s ปรับขึ้นแนวโน้มอันดับเครดิต
หุ้น Julius Baer ลดลง 12.0% หลังดับความหวังการคาดการณ์ผลกำไร

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 456.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด, +0.10%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,496.36 จุด ลดลง 7.89 จุด, -0.11%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,246.93 จุด เพิ่มขึ้น 13.02 จุด, +0.18%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,901.33 จุด ลดลง 17.83 จุด, -0.11

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 77.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล