ดาวโจนส์ปิดลบ 45 จุด S&P500 ควง Nasdaq บวก

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 45 จุด หลังปรับตัวขึ้นติดกัน 4 วัน แรงกดดันจากซิสโก้ ซิสเต็มส์ และวอลมาร์ท เตือนการใช้จ่ายของผู้บริโภคอาจจะชะลอตัวลง ด้านบอนด์ยีลด์ลดลง หนุนหุ้น megacap บางส่วน หลังรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน ตอกย้ำความคาดหวังเฟดจะยุติขึ้นดอกเบี้ย “ราคาน้ำมันดิบ” ร่วงแรง 4.9% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบแรงฉุดกลุ่มพลังงาน
      
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 16พฤศจิกายน 2566 ที่ 34,945.47 จุด ลดลง 45.74 จุด หรือ 0.13% หลังจากที่ปรับขึ้นติดกัน 4 วัน ด้วยแรงกดดันจากซิสโก้ ซิสเต็มส์ และวอลมาร์ทที่เตือนว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคอาจจะชะลอตัวลง ขณะที่การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลช่วยหนุนหุ้น megacap บางส่วน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 5.36 จุด, +0.12%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,113.67 จุด เพิ่มขึ้น 9.84 จุด, +0.07%

หุ้นซิสโก้ ซิสเต็มส์ ลดลงเกือบ 11.6% หลังคาดปรับลดคาดการณ์รายได้และกำไรทั้งปีลงจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว หุ้นวอลมาร์ท ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลกลดลง 8% แม้ผลการดำเนินงานรายไตรมาสดีกว่าคาดและปรับคาดการณ์ทั้งปีขึ้น แต่น้อยกว่าที่คาด พร้อมเตือนว่าผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างรอบคอบเนื่องจากเงินเฟ้อ

คำเตือนของวอลมาร์ท ส่งผลให้บริษัทค้าปลีกรายอื่นๆ ปรับตัวลง หุ้น ดอลลาร์ เจนเนอรัลลดลง 3.5% หุ้นดอลลาร์ ทรี ลดลง 5.2% แต่หุ้นเมซีส์ บวกกว่า 5% จากผลกำไรที่ดีกว่า

โรเบิร์ต พาฟวิคผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Dakota Wealth กล่าวว่า การลดลงขอตลาดมาจากการทำกำไรของนักลงทุนหลังปรับขึ้นติดกันหลายวัน และจากการร่วงลงของหุ้นซิสโก้ ซิสเต็มส์ และวอลมาร์ท

พอล โนลเต้ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่งคั่งและนักกลยุทธ์การตลาดของ Murphy & Sylvest กล่าวว่า ซิสโก้ ซิสเต็มส์ และวอลมาร์ท ถือว่าเป็น กระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมค้าปลีก ตามลำดับ การปรับลดคาดการณ์ลงทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวโน้มผู้บริโภค และอาจรวมถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้วย

กลุ่มพลังงานนำการปรับลงในกลุ่มหลัก 11 กลุ่ม ใน S&P โดยลดลง 2.5% หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 5%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอ่อนตัวลง หลังกระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วว่า เพิ่มขึ้น 13,000 ราย มาที่ 231,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน และสูงกว่า 220,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด ยิ่งตอกย้ำความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธันวาคม แต่มีโอกาส 62% ที่จะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย ในการประชุมเดือนพฤษภาคม 2024

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ลดลง ช่วยหนุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบด้วยแรงฉุดของกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ปรับขึ้นติดกัน 3 วันด้วยความหวังว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางได้มาถึงระดับสูงสุดแล้วและในที่สุดจะปรับลดดอกเบี้ย

ซูซานนาห์ สตรีทเตอร์ หัวหน้าฝ่ายการเงินและการตลาดจาก Hargreaves Lansdown กล่าวว่า มีแรงขายทำกำไรบ้าง หลังจากที่ปรับขึ้นด้วยเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาด ทำให้มีมุมมองทางบวกอย่างมากว่าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

อย่างไรก็ตามนักลงทุนรอการรายงานเงินเฟ้อยูโรโซนในวันนี้

หุ้นพลังงานฉุดให้ทั้งกลุ่มพลังงานลดลง 2.7% จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจากสัญญาณอุปทานที่สูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา และการคาดการณ์ความต้องการพลังงานที่อ่อนแอในจีน

กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 1.5% โดย หุ้นKering, LVMH และ Richemont ลดลง 1.8% ถึง 2.7% หลังจาก หุ้น Burberry ลดลง 11.1% หลังจากที่แบรนด์แฟชั่นหรูของอังกฤษระบุว่าการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยชะลอตัวทั่วโลก

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 451.27 จุด ลดลง 3.25 จุด, -0.72% หลังจากที่บวก 2.5% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,410.97 จุด ลดลง 75.94 จุด, -1.01%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,168.40 จุด ลดลง 41.21 จุด, -0.57%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,786.61 จุด เพิ่มขึ้น 38.44 จุด, +0.24%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 72.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 77.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล