เปิด 3 แบบประกันชีวิต ที่ได้มากกว่าสิทธิภาษี

HoonSmart.com>>ในชีวิตของคนเรามีหลายช่วงอายุ และมีเป้าหมายทางการเงินที่หลากหลาย แต่หากแยกออกมาให้ชัดขึ้นแล้ว หลักๆ สิ่งที่คนเราต้องมีคือ ต้องพึ่งพิงตัวเองให้ได้ในทุกสถานการณ์ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นให้ได้นานที่สุด ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนทางการเงินให้มีความมั่นคง วันนี้ชี้เป้าประกันลดหย่อนภาษีบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต ที่ยก 3 แบบประกัน มาเป็นตัวอย่างในการวางแผนการเงินครอบคลุมระยะยาวและระยะสั้นๆที่ทางบริษัทยืนยันว่าได้มากกว่าเพียงแค่สิทธิลดหย่อนภาษี

บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต (BLA)ปูพื้นฐานว่า ประกันชีวิตเป็นทางเลือกในการใช้สิทธิลดหย่อนที่ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาใช้ในการวางแผนภาษีในแต่ละปี เฉพาะเบี้ยประกันชีวิตสำหรับตัวผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 100,000 บาท ไม่รวมกับเบี้ยประกันบำนาญและเบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ การใช้สิทธิลดหย่อนไม่ต้องคำนวณตามสัดส่วนของรายได้จึงลดหย่อนได้เต็มที่ไม่ว่าจะมีเงินได้พึงประเมินอย่างไร การวางแผนภาษีด้วยประกันชีวิตจึงสามารถช่วยลดภาระภาษีตามขั้นภาษีสูงสุดที่คำนวณได้ หรือสูงสุดถึง 35,000 บาททีเดียว

ประกันชีวิตที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีระยะเวลาความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ประกันสุขภาพ แต่คนส่วนใหญ่มักเลือกทำแบบประกันโดยคำนวณถึงการลดหย่อนภาษีเป็นหลัก จึงเลือกแบบประกันระยะเวลาต่ำสุดตามหลักเกณฑ์ คือความคุ้มครอง 10 ปี แต่รู้หรือไม่ว่า สามารถเลือกวางแผนลดหย่อนภาษีให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวควบคู่กันไปได้โดยไม่มีภาระการชำระเบี้ยเกินจำเป็น ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักที่รัฐมอบสิทธิประโยชน์ภาษีให้กับผู้เสียภาษี

เรื่องนี้ ไม่ได้ยาก ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่หาเป้าหมายการเงินระยะยาวของตัวเองให้ได้ หลายคนมีเพียงเป้าหมายเดียว แต่บางคนมีหลายเป้าหมายก็ได้

การวางแผนเพื่อการเกษียณเป็นเป้าหมายสำคัญเป้าหมายหนึ่งเพราะการที่คนมีอายุยืนยาวขึ้น จำเป็นต้องใช้เงินช่วงเกษียณมากขึ้น หากปัจจุบันมีอายุ 35 ปี การวางแผนเพื่อการเกษียณจะมีระยะเวลาประมาณ 25 ปี สามารถเลือกแบบประกันสะสมทรัพย์เพื่อเสริมแผนการเกษียณและได้ประโยชน์จากการลดหย่อนในหมวดประกัน แบบที่เหมาะสม คือ แฮปปี้ เพนชั่น (มีเงินปันผล)

ตัวอย่างเช่น คุณ บี ปัจจุบัน อายุ 50 ปี มีประกันสุขภาพในปัจจุบันเบี้ยฯ ปีละ 15,000 บาท สามารถวางแผนภาษีเพื่อการเกษียณเพิ่มเติมโดยใช้ประกันสะสมทรัพย์ ระยะเวลา 10 ปี ชำระเบี้ยฯ ครั้งเดียว ผลประโยชน์รวม 99,880 บาท เบี้ยฯ ปีละ 85,000 บาท เพื่อรับเงินก้อนหลังเกษียณปีละ 100,000 บาท

อีกเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญ คือเป้าหมายการศึกษาของลูก สามารถวางแผนครอบครัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการศึกษาของลูกในระยะยาว หากลูกกำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล แผนการศึกษาของลูกจะมีระยะเวลา 12 ปีโดยประมาณสำหรับระดับปริญญาตรี และ 16 ปี สำหรับระดับปริญญาโท การเลือกทำประกันสะสมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษีจึงไม่จำเป็นต้องเป็นแบบประกันที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี แต่อาจเลือกทำประกันในหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตัวเอง ตัวอย่างแบบประกันชีวิตที่ตอบโจทย์เป้าหมายนี้คือ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 15/10

ตัวอย่างเช่น คุณใส่ใจ ปัจจุบันอายุ 35 ปี มีลูกอายุ 5 ปี ต้องการเลือกทำประกันเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็ม 100,000 บาท ประกันสุขภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันเบี้ยฯ ปีละ 15,000 บาท ต้องการใช้ประกันเพื่อเป็นเงินทุนการศึกษาปริญญาโทให้ลูก 2 ล้านบาท แบบประกันเพื่อใช้สิทธิฯ ภาษีของคุณใส่ใจจะต่างกับของคุณบี โดยแผนภาษีจากประกันสะสมทรัพย์ ระยะเวลา 10 ปี ชำระเบี้ยครั้งเดียว แม้จะใช้สิทธิภาษีได้เท่ากัน แต่ไม่สามารถตอบเป้าหมายเพื่อการศึกษาของลูกได้ การวางแผนการศึกษาให้ลูกจะมีภาระชำระเบี้ยเพิ่มขึ้นและไม่สามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ คุณใส่ใจจึงควรเลือกแบบประกันสะสมทรัพย์เพื่อทุนการศึกษาปริญญาโท ระยะเวลาคุ้มครอง 15 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยฯ 10 ปี ผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 977,500 บาท จำนวนเงินประกันภัย 700,000 บาท เบี้ยฯ ปีละ 85,000 บาท แทน

เมื่อวางแผนทางการเงินในระยะยาว ที่ครอบคลุมการเกษียณของตัวเอง และสร้าอนาคตให้ลูกแล้ว ก็สามารถที่เลือกวางแผนภาษีเพิ่มได้อีก ด้วยแบบประกันที่ชำระเบี้ยไม่นาน เช่น บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1 ที่จ่ายเบี้ยประกันเพียงแค่ครั้งเดียว และให้ความคุ้มครองชีวิตถึง 10 ปี

ทั้งนี้ ก่อนการซื้อประกันชีวิตไม่ว่าจะแบบใดก็ตาม ควรทำความเข้าใจในรายละเอียดของความคุ้มครองและเงื่อนไขต่างๆ ของแบบประกันให้ดีก่อนทุกครั้ง เพียงเท่านี้เราก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษีประจำปี