ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 391 จุด บอนด์ยีลด์ทรงตัว กลุ่มเทคโนโลยีวิ่ง

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 391 จุด +1.15%, S&P500 +1.56%, Nasdaq +2.05% ฟื้นตัวจากวันก่อนหลังบอนด์ยีลด์ทรงตัว หนุนหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีพุ่งขึ้น ส่วนการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส “ราคาน้ำมันดิบ WTI” เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 10พฤศจิกายน 2566 ที่ 34,283.10 จุด เพิ่มขึ้น 391.16 จุด หรือ 1.15% ฟื้นตัวขึ้นจากวันก่อนหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทรงตัว ส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีพุ่งขึ้น ขณะที่การให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ไม่มีอะไรที่เซอร์ไพร้ส

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,415.24 จุด เพิ่มขึ้น 67.89 จุด, +1.56%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,798.11 จุด เพิ่มขึ้น 276.66 จุด, +2.05%

ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และดัชนี S&P500 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน
      
ในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งสามดัชนีปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดกัน ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.7%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.3% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.4%
      
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ all-time highs ในระหว่างชั่วโมงซื้อขายและปิดวันเพิ่มขึ้น 2.5% หุ้นแอปเปิ้ล หุ้นเมตา หุ้นเทสลา และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 2% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.8%

ตลาดปรับตัวขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ 4.62% จากที่ปรับขึ้นในวันก่อน หลังผลการประมูลพันธบัตร 30 ปีต่ำกว่าคาด และจากความเห็นของประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ที่ส่งสัญญานว่าอาจจำเป็นต้องมีแรับดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ตลาดยังจับตาการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด โดยนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตากล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายสามารถดึงอัตราเงินเฟ้อให้กลับไปสู่เป้าหมายได้โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาเพิ่มเติม ส่วนนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟราน

ซิสโกกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง หากความคืบหน้าเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อชะลอในขณะที่เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไป

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายนลดลงมาที่ 60.4 . ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่า 63.7 ที่นักวิเคราะห์คาด และผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น 4.4% เพิ่มขึ้นจาก 4.2% ที่คาดการณ์ในเดือนตุลาคม

ผู้บริโภคคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 3.2% ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.0% ในเดือนตุลาคม และสูงสุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2011

เจฟฟรีย์ โรช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ LPL Financial กล่าวว่า เทรดเดอร์คาดหวังว่าเฟดจะเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% แต่การเพิ่มขึ้นของการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวบ่งชี้ว่าผู้บริโภคไม่มั่นใจว่าเฟดจะคุมเงินเฟ้อได้

นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตในสัปดาห์หน้าเพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้น หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ให้ความเห็นถึงการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดเพิ่มเติม ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ว่าอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดแล้ว ประกอบกับผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียน

กลุ่มทรัพยากรขั้นพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์เป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มสื่อและอุตสาหกรรมได้แรงซื้อของนักลงทุน

เจ้าหน้าที่ของเฟดซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวลล์ ในวันพฤหัสบดี ให้ความเห็นถึงแสดงความไม่แน่นอนในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และบอกว่าจะดำเนินนโยบายเข้มงวดมากขึ้นหากจำเป็น

นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนอาจพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่อัตราดอกเบี้ยของ ECB ที่คงไว้ที่ระดับปัจจุบันอย่างน้อยเป็นหลายไตรมาสอาจยังคงทำให้ราคาที่เพิ่มขึ้นกลับมาที่ 2%

ความคิดเห็นของผู้กำหนดนโยบายของECB และธนาคารแห่งอังกฤษเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ดับความคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

หุ้นดิอาจิโอผู้ผลิตวิสกี้จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ลดลง 12.2% จากที่คาดว่าการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานจะลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีบัญชีปัจจุบัน ส่งผลให้กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มลดลงเกือบ 3.1%

หุ้น Richemont ธุรกิจสินค้าหรูของสวิสร่วงลง 5.2% หลังจากที่รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด ฉุดให้หุ้นคู่แข่งอย่าง LVMH, Kering และ Hermes ลงมาระหว่าง 1.6% ถึง 3.8% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 2.6%

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้มากถึงว่าภาวะเศรษฐกิจจะถดถอย

ข้อมูลใหม่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีในเดือนกันยายนทรงตัวเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งสะท้อนถึงความอ่อนแอโดยรวมในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของยูโรโซน

นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของนอร์เวย์เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนตุลาคม ส่งผลกดดันให้ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 443.31 จุด ลดลง 4.49 จุด,-1.00%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,360.55 จุด ลดลง 95.12 จุด, -1.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,045.04 จุด ลดลง 68.62 จุด, -0.96%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,234.39 จุด ลดลง 118.15 จุด, -0.77%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 77.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 81.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล