HoonSmart.com>>เดนทัล คอร์ปอเรชั่น(D) โชว์ผลงานงวด 3 เดือน ปี 2566 กวาดรายได้ 230.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ทั้งต่างชาติ และชาวไทยที่มีกำลังซื้อสูง
นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น หรือ D เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวมจำนวน 230.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% มีกำไรสุทธิ จำนวน 17.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากการให้บริการทันตกรรมจำนวน 167 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2 ล้านบาท หรือ 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายจำนวน 63.8 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 กลุ่มบริษัท D มีรายได้รวมจำนวน 714.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 62.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน
นายพรศักดิ์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัท D เติบโตอย่างต่อเนื่อง เกิดจากสัดส่วนจำนวนของลูกค้าชาวต่างชาติที่สูงขึ้น เป็นผลมาจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เข้ามาใช้บริการทันตกรรมกับกลุ่มบริษัทD รวมทั้งจากการปรับขึ้นการให้บริการด้านทันตกรรมเพิ่มอีก 10% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยบวกที่สอดคล้อง ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีรายได้ และกำไรเติบโตสูงขึ้น
“รายได้ของกลุ่มD ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าต่างชาติ ไตรมาส 3 ปี 66 มีรายได้จากต่างชาติจำนวน 91.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน และบริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งต่างชาติ และชาวไทย ที่มีกำลังซื้อสูง ลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการ หลักๆเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness tourism นักท่องเที่ยวที่มาจากทวีปยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา ที่เข้ามารับการรักษาทันตกรรม กับกลุ่มD เพราะเชื่อมั่นในมาตรฐานการบริการ มาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย ที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้มาใช้บริการ” นายพรศักดิ์ กล่าว
นายพรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ BIDH ในไตรมาส 3/2566 มีรายได้จำนวน 37.9 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติสูงถึง 63% ซึ่ง BIDH จะมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคนไทยที่มีรายได้สูง ผู้บริหารชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat) และกลุ่มนักท่องเที่ยว(Tourist) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง