ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 564 จุด นักลงทุนมองเฟดยุติขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งปรับเพิ่มขึ้นแรงมากกว่า 1% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อ่อนตัวลงมาที่ 4.668%  นักลงทุนคาดธนาคารสหรัฐจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้และปีหน้า หลังเงินเฟ้อลดลงและตลาดแรงงานชะลอตัวลง  ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวขึ้นแรง หลังธนาคารกลางอังกฤษคงดอกเบี้ย ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 2 พ.ย. 2566 ที่ 33,839.08 จุด เพิ่มขึ้น 564.50 จุด หรือ 1.70% นักลงทุนมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้แล้ว และจะไม่ปรับขึ้นอีกในปี 2023

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,317.78 จุด เพิ่มขึ้น 79.92 จุด, +1.89%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,294.19 จุด เพิ่มขึ้น 232.72 จุด, +1.78%

ตลาดปรับตัวขึ้นทั้งกระดาน หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ปิดในแดนบวก นำโดยกลุ่มพลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ที่ต่างเพิ่มขึ้น 3.1%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อ่อนตัวลงมาที่ 4.668%

FedWatch Tool ของ CME พบว่า เทรดเดอร์มองว่ามีโอกาส 85% ที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ เทียบกับความน่าจะเป็น 59% ในวันก่อนการประชุมนโยบายการเเงินของเฟด

ข้อมูลที่เผยแพร่เช้าวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและตลาดแรงงานที่ชะลอตัว ซึ่งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า เฟดอาจจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 217,000 ราย สูงกว่า 210,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด นอกจากนี้ต้นทุนแรงงานไตรมาสสามยังลดลงอย่างไม่คาดมาก่อน

นักลงทุนยังจับตาการรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมในวันศุกร์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนตุลาคมจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลประกอบการ โดยแอปเปิ้ลจะรายงานผลการดำเนินงานรายไตรมาสหลังตลาดปิดทำการ หุ้นแอปเปิ้ลบวก 2%
หุ้นของสตาร์บัคเพิ่มขึ้นเกือบ 10% หลังจากรายได้และกำไรดีกว่าคาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย และกลุ่มเทคโนโลยี จากการมุมมองทางบวกว่าธนาคารกลางได้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางนอร์เวย์ คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และธนาคารกลางนอร์เวย์ตรึงอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการแถลงข่าวหลังประชุมเสร็จเมื่อวันพุธยังไม่ปิดทางที่จะปรับขึ้นอีกครั้งหากการคุมเงินเฟ้อไม่มีความคืบหน้า แต่กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามตลาดอาจเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่ง โมหิต กุมาร หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรป ของ Jefferies กล่าวว่า การให้ความเห็นของนายพาวเวลล์สนับสนุนมุมมองที่ว่าเฟดอาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว
หุ้นอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 5.2% กลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 2.7%

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตในยูโรโซนชะลอตัวอีกครั้งในเดือนที่แล้วจากการชะลอตัวในวงกว้าง โดยคำสั่งซื้อใหม่หดตัวในอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1997 และการว่างงานของเยอรมนีก็เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่งนี้เริ่มสั่นคลอน

ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังช่วยหนุนความเชื่อมั่น
หุ้น Adecco Group บริษัทจัดหางานสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 13.9% จากกำไรสุทธิไตรมาส 3 ดีกว่าคาด
หุ้นเฟอร์รารี บวก 5.6% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ และหนุนหุ้นกลุ่มรถยนต์ให้เพิ่มขึ้น 3%
หุ้นเชลล์บวก 4.2% หลังผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นไปตามคาดที่ 6.2 พันล้านดอลลาร์และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน
หุ้นNovo Nordisk บวก 3.2% หลังคาดการณ์ยอดขายยาเติบโตกว่า 10%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 443.47 จุด เพิ่มขึ้น 6.90 จุด, +1.58%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.53 จุด เพิ่มขึ้น 104.10 จุด, +1.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,060.69 จุด เพิ่มขึ้น 128.06 จุด, +1.85%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,143.60 จุด เพิ่มขึ้น 220.33 จุด, +1.48%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 82.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 86.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล