Finnomena มองปี 68 “หุ้นสหรัฐฯ”ดูดีสุด เฟ้น 10 กองทุนเด่นโค้งสุดท้ายปี 67

HoonSmart.com>> Finnomena Funds เปิดกลยุทธ์มุมมองลงทุนปี 68 “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” ยังดูดีสุด เศรษฐกิจโตต่อได้ ด้าน Dollar Index มีโอกาสกลับตัวอ่อนค่า ระวังราคาหุ้นตึงตัวมาก แนะกลยุทธ์ “Selective” หุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็ก ไม่กระจุกตัวหุ้นใหญ่ ส่วน “ตลาดหุ้นเกิดใหม่” มองบวกหุ้นอินเดีย-เวียดนาม ด้าน “หุ้นไทย” ถูกกดดันจากแรงขายกองทุน LTF ครบอายุกว่า 2.4 แสนล้านบาท บจ.ถูกหั่นกำไรต่อเนื่อง พร้อมเฟ้น 10 กองทุนเด่นเข้าโค้งสุดท้ายปลายปี 67

 

 

Finnomena Funds เผยมุมมองการลงทุนปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ธ.ค.67) มองตลาดหุ้น Developed Markets สหรัฐอเมริกายังดูดีสุด จากภาพเศรษฐกิจที่โตต่อได้ ไม่เกิด Recession แนวโน้มเงินเฟ้อเป็นขาลง ส่วน Dollar Index ก็มีโอกาสกลับตัวอ่อนค่า แต่ที่ต้องระวังคือ Valuation ตึงมาก จึงควร Selective ไปที่หุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็ก ไม่กระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่

ด้านตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นญี่ปุ่น มีมุมมอง Slightly Negative เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า โดยฝั่งยุโรปอาจจะได้รับผลกระทบของนโยบาย Trump 2.0 เช่น กำแพงภาษี และสงคราม ส่วนฝั่งญี่ปุ่นก็มีความเปราะบางจากเงินเฟ้อสูง รวมทั้งเงินเยนมีโอกาสแข็งค่านั้นเป็นผลเสียต่อตลาดหุ้น

ตลาดหุ้น Emerging Markets มีมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นอินเดีย และเวียดนาม สำหรับอินเดียเศรษฐกิจยังเติบโตระดับสูงในระยะยาว จากโครงสร้างประชากรและได้ประโยชน์จาก China+1 ขณะที่เวียดนามก็มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ภาครัฐบาลมีท่าทีสนับสนุนภาคเอกชนเต็มที่

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับลดมุมมองเป็น Neutral หลัง Value-Up Program ต้องใช้เวลาให้บริษัทปรับตัวกว่าจะเริ่มเห็นผล อีกทั้งต้องติดตามประเด็น Chip HBM3E ของ Samsung ในการส่งมอบ Nvidia อย่างไรก็ดี Valuation อยู่ในระดับต่ำมาก ยังไม่ใช่จังหวะขาย

ตลาดหุ้นไทย ปีหน้าจะถูกกดดันจากแรงเทขาย LTF ที่ครบกำหนดอายุกว่า 2.4 แสนล้านบาท และบริษัทจดทะเบียนยังถูกปรับประมาณการกำไรลงต่อเนื่อง แต่มีแรงหนุนจากแผนออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม การเบิกจ่ายภาครัฐฟื้นตัว และได้ประโยชน์จาก China+1

ตลาดหุ้นจีน มองเป็น Slightly Negative เนื่องจากไร้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ส่วนภาคอสังหาฯ ก็ยังต้องใช้เวลากว่าความเชื่อมันจะฟื้น ประกอบกับความไม่แน่นอนด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น

 

สำหรับมุมมองการลงทุน FundTalk Call โดย “เจษฎา สุขทิศ” CEO Finnomena

“คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Contrarian Investor เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่หาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี ประกอบกับมีลมหนุนที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ตอนที่คนไม่เหลียวแล”

 

สำหรับกองทุนแนะนำ ได้แก่

1.) ASP-USSMALL-A

กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กในสหรัฐฯ เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น ธุรกิจการเงิน ทำให้จะได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Trumponomics ที่เตรียมลดภาษีนิติบุคคล หนุนบริษัทเอกชนในประเทศ

2.) TISCOINA-A

กองทุนหุ้นอินเดีย เป็นโอกาสในการเข้าสะสมหลังราคาย่อลงมา ก่อนที่จะสามารถราคารีบาวด์ยืนเหนือแนวรับสำคัญ โดยตลาดหุ้นอินเดียยังมีปัจจัยหนุน ได้แก่ ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนลง และศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

3.) PRINCIPAL VNEQ-A

กองทุนหุ้นเวียดนาม พลิกฟื้นยืนเหนือแนวรับสำคัญ ตามทิศทาง Dollar Index ที่อ่อนค่า ส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชียกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะเวียดนามที่เตรียมรับอานิสงส์เม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติไหลเข้า

 

ขณะที่มุมมองการลงทุน Mr.Messenger Call โดย “ชยนนท์ รักกาญจนันท์” Head Coach & Co-Founder Finnomena

“คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ Trend Follower Investor มุ่งสร้างโอกาสทำกำไรในระยะสั้น-กลาง เน้นใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะตลาด ศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ในอดีต โดยใช้หลักสถิติเพื่อนำมาคาดการณ์พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในอนาคต และช่วยให้หาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม”

 

สำหรับกองทุนแนะนำ ได้แก่

1.) ASP-DIGIBLOC

กองทุนหุ้นเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ยังมีแนวโน้มทะยานต่อได้จากนโยบายสนับสนุนของ Trump ที่เตรียมนำคริปโตมาเป็นเงินทุนสำรอง ทำให้ราคา Bitcoin มีโอกาสถึง 100,000 เหรียญ ภายในไตรมาส 1 ปีหน้า

2.) PRINCIPAL VNEQ-A

กองทุนหุ้นเวียดนาม เชื่อว่ารอบของการปรับฐานจบลงแล้ว หลังดัชนี VN30 ปรับตัวลงมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน อีกทั้งก็มีปัจจัยหนุนเชิงพื้นฐานเรื่องการได้ประโยชน์ China+1 จึงเตรียมเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง

3.) SCBSEMI(A)

กองทุนหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เป็นธีม Growth Stock ที่มีโอกาสทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ พร้อมรับแนวโน้มเชิงบวกจากปรากฏการณ์ Santa Claus Rally และ January Effect

 

ขณะที่มุมมองการลงทุน MEVT Call โดย “วศิน ปริธัญ” Head of Investment

“คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Long-Term Growth เพื่อสร้างโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในระยะกลาง-ยาว โดยพิจารณาปัจจัยรอบด้านตาม MEVT Framework ได้แก่ Macro ปัจจัยเชิงมหภาค, Earnings วิเคราะห์การเติบโตของกำไร, Valuation การวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุน และ Technical ปัจจัยอื่น ๆ เช่น Fund Flow, Sentiment, Seasonal Statistic และ Technical Analysis”

 

กองทุนแนะนำ ได้แก่

1.) PRINCIPAL VNEQ-A

กองทุนหุ้นเวียดนาม เป็นตลาดที่ถูกและดี ประกอบกับการมาของ Trump เร่งให้เกิด China+1 ในการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนเร็วขึ้น ซึ่งเวียดนามคือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ รวมทั้งยังมีปัจจัยหนุนอื่น ๆ เช่น ความคืบหน้าเตรียมเข้าสู่ EM Market ของดัชนี FTSE ในปี 2025 และการถูกปรับประมาณกำไรเพิ่มเติม

2.) B-INNOTECH

กองทุนหุ้นเทคโนโลยี เน้นคัดเลือกหุ้น Value Play โดยการเข้าซื้อหุ้นเติบโตในราคาไม่แพง ขณะเดียวกันปัจจัยเชิงพื้นฐานเฉพาะตัวยังคงดี เพราะประมาณการกำไรของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือว่าเติบโตในระดับ 2 หลัก

3.) UGIS-N และ KFSINCFX-A

กองทุนตราสารหนี้โลก เป็นจังหวะเก็บสะสมหลังเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในกรอบ กดให้ Bond Yield ปรับตัวลดลง จึงเป็นผลบวกต่อกองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ที่บริหารแบบ Active มีการปรับ Duration ยืดหยุ่นสอดรับกับสถานการณ์ตลาด

 
 
———————————————————————————————————————————————————–