HoonSmart.com >> IVF โชว์ศักยภาพ “ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก มาตรฐานสากล” เปิดจองหุ้น 29 พ.ย. และ 2-3 ธ.ค.นี้ ราคา 3.10 บาท คาดซื้อขายในตลาด mai วันที่ 11 ธ.ค.นี้ ระดมเงินทุนขยายสาขาในไทย-ต่างประเทศ , เพิ่มธุรกิจเวลเนส ชูจุดเด่นความสำเร็จการตั้งครรภ์ 76% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 46-48% เซ็นสัญญาแต่งตั้ง บล.คิงส์ฟอร์ด เป็นแกนนำขาย
นางสาวเกศิณี กุลดิลก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ (IVF) เปิดเผยว่า IVF ดำเนินธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากล เป็นเวลากว่า 6 ปี มีอัตราความสำเร็จ (Success Rate) ย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ 2564-2566 สูงกว่าค่าเฉลี่ยและสูงสุดถึง 70-76% โดยอาศัยข้อได้เปรียบด้านการให้บริการภายใต้มาตรฐานสากล ทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการ เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ตลอดจนลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ทั้ง EmbryoScope plus ตู้เลี้ยงตัวอ่อนที่สามารถติดตามการเจริญเติบโตได้แบบเรียลไทม์ พร้อมประเมินคุณภาพด้วยเอไอ, เทคนิค PGT-A/-SR ด้วยเทคนิค SNP Array จาก illumina สหรัฐอเมริกา ที่ช่วยคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมได้อย่างแม่นยำ ฯลฯ เพื่อลดระยะเวลาและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บริการ จนเกิดเป็นการตลาดแบบ Word of Mouth ในกลุ่มผู้ใช้บริการเป็นวงกว้าง และขยายฐานลูกค้าต่างชาติได้มากกว่า 80% อาทิ อินเดีย จีน เวียดนาม และออสเตรเลีย”
สำหรับ ภาพรวมอุตสาหกรรมรักษาผู้มีบุตรยาก โดยบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลการตลาด ระบุว่า ปี 2570 ตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยาก (Fertility Tourism) ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 33.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 14.2% ต่อปี ซึ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุด ราว 5.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 14.7% ต่อปี (ปี 2562-2570) ซึ่ง ‘ประเทศไทย’ ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของธุรกิจ Fertility Tourism ในเอเชีย ด้วยปัจจัยหนุนของรัฐบาลที่ผลักดันไทยเป็น Medical Hub รวมถึงศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์ และค่ารักษาพยาบาลที่เข้าถึงได้”
“การระดมทุน มีวัตถุประสงค์การระดมทุน เพื่อขยายสาขาในประเทศและต่างประเทศ (New Market) รวมถึงการเพิ่มบริการเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟู (New Service) ตามแผนการก้าวสู่ตำแหน่ง ‘ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากลในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย’ เพื่อรองรับตลาด Fertility Tourism ในอนาคต ตลอดจนสามารถมอบผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับพันธมิตรและนักลงทุน” นางสาวเกศิณี กล่าวทิ้งท้าย
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า IVF เป็นหุ้นที่น่าจับตามอง และเลือกลงทุน โดยจัดเป็นหุ้นที่มีศักยภาพเป็น growth stock ที่มอบผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน จากแผนการขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ รวมถึงตัวเลขผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2564-2566) เท่ากับ 11.24 ล้านบาท 63.31 ล้านบาท และ 121.55 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจกลุ่มรักษาผู้มีบุตรยาก ขณะที่งวด 9 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้จากการให้บริการถึง 83.28 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยาก 76.61 ล้านบาท (92%) และรายได้จากธุรกิจเวชศาสตร์ฟื้นฟูฯ 6.67 ล้านบาท (8%) ขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสัดส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสัดส่วนของทรัพย์สิน (ROA) จะอยู่ที่ 35.1% และ 19.9% ตามลำดับ
“ผมเชื่อว่า IVF พร้อมก้าวสู่การเป็น ‘ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากลในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย’ ของคนไทยในเวทีโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘Simplicity in Every Step’ ที่ทำให้ทุกฝันเป็นเรื่องง่าย และเป็นไปได้จริง ด้วย 5 จุดแข็งสำคัญ ได้แก่ 1. ทีมผู้เชี่ยวชาญ 2. เทคโนโลยีล้ำสมัย 3. การจัดการคุณภาพระดับสากล 4. การดูแลใส่ใจทุกมิติ และ 5. เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ IVF ยังสร้างความโดดเด่นด้วยอัตราความสำเร็จ 76% ซึ่งนับว่าสูงกว่าข้อมูลอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยของประเทศไทย (ที่มา: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส.) ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นวันแรกในเร็ว ๆ นี้” นายวรชาติ กล่าวทิ้งท้าย
บริษัท ฯ แต่งตั้ง บล.คิงส์ฟอร์ด เป็นแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IVF จำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็น 29.55% ของจำนวนที่ออกและเรียกชำระทั้งหมด มุ่งสู่เป้าหมาย ‘ผู้นำศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากลในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย’ ราคาเสนอขาย 3.10 บาทต่อหุ้น มูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 403 ล้านบาท เปิดจองซื้อ 29 พ.ย.และ 2-3 ธ.ค.67
อ่านประกอบ