“เสี่ยป๋อง-เสี่ยยักษ์” ประสานเสียงปีนี้ “เหนื่อย” มีเงินยังไม่กล้าซื้อหุ้น ลุ้นใช้ LTF กระตุ้น

HoonSmart.com>>สองเสี่ยใหญ่แห่งวงการตลาดหุ้น ประสานเสียง”เหนื่อย”กับการลงทุนในปี 66 ลุ้นนำ LTF กลับมาใช้ กระตุ้นการลงทุน “เสี่ยป๋อง ”ยอมรับ”พลาด ”ปีนี้แย่ พอร์ตขาดทุนเกือบ 10% ลดการลงทุนมาเหลือ 30% ไม่วายโดน  เตรียมเงินไว้รอซื้อ แต่ยังไม่กล้าเข้า กลัวแรงขายเยอะ ”เสี่ยยักษ์”ลดพอร์ตลงทุนไปบางส่วนแล้ว“รอจังหวะ”ลงทุนอีกเมื่อโอกาสมาถึง พร้อมมอง”จุดอันตรายที่สุดคือจุดที่ปลอดภัยที่สุด”  หุ้นวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดีดกลับ +1.24% ต่างชาติพลิกซื้อ 1,328.70 ล้านบาท สถาบันไทยซื้อ  1,216.48 ล้านบาท ดาวโจนส์ร่วงต่อ -1.12% 

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ”เสี่ยป๋อง” นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยว่า ปี 2566 เป็นปีที่แย่สำหรับการลงทุน ตอนนี้ลดการลงทุนลงมาเหลือ 30% ของพอร์ตลงทุน ไม่เคยโดนเยอะขนาดนี้ รอบนี้ถือว่า”พลาด” เดิมคิดว่าที่ถือลงทุนอยู่ 30% ไม่น่าจะกระทบ แต่มันก็โดน พอร์ตขาดทุนไปเกือบ 10% “เหนื่อย”

“พลาดจากต้นปีที่มองทิศทางตลาดน่าจะดี เพราะมีการเลือกตั้ง เปิดประเทศ ท่องเที่ยวก็มา รัฐบาลไหนไม่ว่าใครเข้ามาเศรษฐกิจไปได้ ตอนนี้ทำใจนั่งรอเมื่อไรนักลงทุนต่างชาติจะขายหมด ปัจจัยลบเข้ามาเต็มไปหมด ทั้งสถานการณ์ตะวันออกกลาง, ราคาน้ำมันขึ้น และต้นทุนดอกเบี้ยขึ้น…งบฯกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ดีตามดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น แต่บริษัทไหนที่กู้เยอะงบฯน่าจะไม่ดี”

นายวัชระ กล่าวว่า ปีนี้กลายเป็นปีที่ไม่มีวินัย สัญญาณทางเทคนิคชี้ให้ขายตั้งแต่กว่า 1,500 จุด แต่ไม่ขาย ผิดเอง เพราะคาดหวังว่าทิศทางตลาดจะดีเลยไม่ขาย แต่รอบนี้ลงแล้วลงเลย ตลาดหุ้นคือความเชื่อมั่น รอความหวัง เทคนิคเฝ้ารอสัญญาณซื้อกลับมา แต่ยังเห็นทำ Low ทุกวันจนเข้าเขตขายมากเกินไป แม้จะเห็นเด้งบ้าง แต่ก็เป็นเด้งเพื่อลงต่อ

“ตลาดยังขาลงอยู่ แต่มันเป็นโอกาส สัญญาณเป็น Oversold แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเด้งขึ้นแรง 2 วัน จะล้างภาพได้ แต่เด้งเพื่อลงได้ลึก มีโอกาสที่จะลงอีก แอบหวังอยู่จะมีอะไรดี ๆ เข้ามาบ้าง “เหนื่อย” ต่างชาติขายอย่างเดียวเลย ปีนี้คนไทยซื้อมากกว่า 1 แสนล้านบาท”

เสี่ยป๋อง กล่าวว่า ตอนนี้เตรียมเงินรอซื้อหุ้น ส่วนที่ติดอยู่ก็ทำใจขายไม่ได้แล้ว  เงินที่รอซื้อหุ้นก็รอไปก่อน ยังไม่ค่อยกล้า แรงขายเยอะจริง ๆ ตอนนี้คาดหวังมาตรการกระตุ้นการลงทุน รอนโยบายภาครัฐฯ แม้ว่าภาคท่องเที่ยวจะมีเรื่องฟรีวีซ่า, ชักชวนคนจีนมาลงทุนแล้ว แต่ก็ยังต้องรอดู Digital Wallet จะออกมาแบบไหน

“ตอนนี้คาดรัฐฯจะเอา LTF กลับมาใช้อีกไหม เพื่อเอามาลดหย่อนภาษีให้นักลงทุน และมีเม็ดเงินมาซื้อหุ้นในตลาดกระตุ้นการลงทุนได้ด้วย คิดว่าอาจจะมีออกมานะ แต่อาจเป็นอีกรูปแบบ ซึ่งลักษณะอาจคล้ายกัน”

นายวิชัย วชิรพงศ์ “เสี่ยยักษ์” นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยว่า “เหนื่อย”ตลาดหุ้นไทยวอลุ่มเทรดน้อยลงเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าคนระวังมากขึ้น ซึ่งหุ้นปรับตัวลง”เป็นโอกาส” แค่ต้อง”รอจังหวะ” อย่างหันหลังให้ตลาดหุ้น ส่วนตัวตอนนี้ถือลงทุนอยู่ประมาณ 60% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด และพร้อมที่จะเข้าลงทุนเพิ่ม

“ตอนนี้คนส่วนใหญ่กลัวเวลาหุ้นลง ถูกสอนมาให้ Cut loss แต่ผมมองเป็นโอกาส เราตัวใหญ่ถอยมาแล้วระดับหนึ่ง และพร้อมที่จะซื้ออีกชุดหนึ่ง ปัจจัยที่เกิดขึ้น เป็น Money Game ของสหรัฐฯที่กระทบไปทั่วโลก โอกาสจะมาเมื่อไรให้ดูดอกเบี้ยสหรัฐหยุดขึ้น วอลุ่มเทรด 3 หมื่นล้านบาท/วัน รวมถึงหวังเพื่อไทย ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งถ้ามี LTF ก็จะสร้างเสถียรภาพให้ตลาดได้ ส่วนตัวคาดเดาว่าน่าจะมี LTF ออกมาใช้อีกที แต่เวลาอาจยังไม่เหมาะสม ต้องให้ต่างชาติหยุดขายก่อน หุ้นก็พร้อมดีด”

เสี่ยยักษ์ กล่าวว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ดัชนีฯได้ไหลลงไปแถว 1,200 จุด กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างปิดกันหมด แต่ตอนนี้ไม่ได้มีอะไรเลวร้าย การท่องเที่ยวก็ดี เงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้นบ้างแล้ว ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีระดับหนึ่ง รอให้รัฐบาลทำงานก่อน เพราะตอนนี้เป็น Salesman อยู่ ไปชวนคนให้เข้ามาลงทุนบ้านเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี พร้อมมอง”จุดที่อันตรายที่สุดคือจุดที่ปลอดภัยที่สุด”

ด้านตลาดหุ้นวันที่ 27 ต.ค.66 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ผันผวน ปิดที่ระดับ 1,388.23 จุด เพิ่มขึ้น 17.01 จุด หรือ +1.24% มูลค่าซื้อขาย 41,247.37 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศพลิกซื้อสุทธิ 1,328.70 ล้านบาท สถาบันไทยซื้อสุทธิ 1,216.48 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 2,167.95 ล้านบาท

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นรีบาวด์ค่อนข้างแรง ทั้งที่ไม่มีปัจจัยเด่นอะไร แต่ Valuation ถูก และได้แรงหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ของไทยปรับลดลงท่ามกลางแรงกดดันภาพเศรษฐกิจและดอกเบี้ยสหรัฐ และสถานการณ์ตะวันออกกลางยังไม่จบ ทำให้ตลาดผันผวนได้อยู่

ส่วนหุ้นใหญ่ที่ดีดกลับขึ้นแรง แต่ยังไม่น่าไว้ใจ ถ้ายังไม่เห็นนักลงทุนต่างชาติซื้อหนัก และวอลุ่มตลาดค่อนข้างบาง ดังนั้นการขึ้นของดัชนีฯอาจเป็นแค่เทคนิคเคิลรีบาวด์ และแรงเก็บหุ้นจากนักลงทุนในประเทศ

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าถ้าดัชนีฯสามารถยืนได้ 1,400 จุดได้ ภาพตลาดจะดูมีความหวังได้มากขึ้น แต่ถ้าไม่ได้ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงจากความเสี่ยงปัจจัยต่างประเทศ โดยแนวรับ 1,365 จุด แนวต้าน 1,400 จุด

ขณะเดียวกันดาวโจนส์ ปิดวันที่ 27 ต.ค.2566 ปิดที่ 32,417.59 จุด ร่วงลง 366.71 จุด หรือ -1.12% จากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะถดถอย เปิดโอกาสให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในอีกไม่เกี่เดือนข้างหน้า  หลังการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)  ดัชนี PCE ทั่วไป(Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดรอบ 7 เดือนและเป็นการลดลงติดกันสัปดาห์ที่สอง