‘SCB-KKP’ กอดคอทำนิวโลว์ ถูกหั่นเป้าราคา-กำไรปี 66-67

HoonSmart.com>>หุ้นแบงก์ดาหน้าติดลบ นำโดย “ธนาคารเกียรตินาคิน”(KKP) ร่วงแรง -4.85% “เอสซีบี เอกซ์” (SCB) -3.76% ราคาปิดนิวโลว์ในรอบ 52 สัปดาห์ ผิดหวังกำไรไตรมาส 3 โบรกเกอร์แห่ปรับลดเป้ากำไรปี66-67 กดราคาเป้าหมายลง ส่วนTTB-BBL วิ่งมานานเจอขายทำกำไร ตลาดหุ้นรวม -0.59% ต่างชาติขายต่อ 1,444 ล้านบาท นักลงทุนไทยช้อน 1,152.72 ล้านบาท ด้านเงินบาทแข็ง 36.12 สอดคล้องภูมิภาค บอนด์ยีลด์อ่อนแรง- รับส่งออกเดือนก.ย.ขยายตัว 2.1% ดีกว่าคาด

วันที่ 24 ต.ค.2566 ราคาหุ้นแบงก์ปรับตัวลงยกแผง ยกเว้น KBANK บวก 1.16% ปิดที่ 130.50 บาท โดยธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ร่วงลงแรง -4.85% ปิดที่ 49 บาท บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) -3.76% ปิดที่ 96 บาท ทั้งสองแบงก์ปิดนิวโลว์ในรอบ 52 สัปดาห์ หลังผิดหวังกำไรไตรมาสที่ 3/2566 ส่วนธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ลดลง-3.47% ปิดที่ 1.67 บาท และธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปรับตัวลง -3.29% ปิดที่ 161.50 บาท หลังจากราคาวิ่งขึ้นรับกำไรดีมาหลายวัน ส่งผลต่อภาพรวมดัชนีปิดที่ 1,391.03 จุด ลดลง 8.32 จุด หรือ-0.59% จากนักลงทุนต่างชาติขายต่อ 1,444 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อ 1,152.72 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ผิดหวังกำไรของ SCB ในไตรมาสที่ 3/2566 ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลง 3% และ 6% จากประมาณการก่อนหน้าลงเหลือ  41,311 ล้านบาท (+10%YoY) และ 45,437 ล้านบาท (+10%YoY) หลังประกาศกำไรไตรมาสที่ 3/2566 ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 14% จึงปรับราคาเป้าหมายปี 2566 ใหม่ลงเหลือ 116 บาท อิง PBV 0.80 เท่า ขณะเดียวกันได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 121 บาท ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐาน แต่หากเทียบในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ถือว่ามีความน่าสนใจน้อยกว่า

สำหรับหุ้น KKP บล.หยวนต้าปรับลดคำแนะนำลงจาก”ซื้อ”เหลือเพียง “เทรดดิ้ง”จนกว่าจะเห็นสัญญาณเชิงบวกของคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรงขึ้น หลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2567ที่ 63 บาท  และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2566 ลงเฉลี่ยปีละ 19.7% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ภายใต้ประมาณการใหม่ คาดจะมีกำไรสุทธิ 6,046 ล้านบาท ลดลง 27.2% YoY

แนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/2566 จะถูกกดดันจากผลขาดทุนรถยึดและการตั้งสำรองของสินเชื้อเช่าซื้อที่เร่งปล่อยไปมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การปล่อยสินเชื่อใหม่เริ่มชะลอตัวลงจากการแข่งขันในตลาดเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ที่รุนแรงขึ้น แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี Upside ราว 22.3% หลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 63 บาทก็ตาม

บล.ดาโอ ยังคงคำแนะนำ“ถือ” KKP แต่มีการปรับไปใช้ราคาเป้าหมายไปเป็นปี 2567 ได้ที่ 52 บาทอิง PBV ที่ 0.70 เท่า (-1.50SD below 10-yr average PBV) จากเดิมที่ 58 บาท อิงPBV ปีนี้ที่ 0.80x (-1.00SD below 10-yr average PBV) จากการปรับ PBV และกำไรลงเพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากขาดทุนรถยึดที่ยังทรงตัวสูง ขณะที่มีความเสี่ยงจากขาดทุนรถยึดที่มีโอกาสมากกว่าคาดจากการเร่งขายรถมือสองในจำนวนที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้ม NPLs ที่จะสูงขึ้นมากกว่าคาด

KKP มีกำไรรวม 9 เดือนปีนี้ เพียง 66% จากประมาณการทั้งปี จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 ลงปีละ -16% จากการปรับ Credit cost ที่รวมผลขาดทุนรถยึดปี2566 เพิ่มขึ้นทำให้ได้กำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท ลดลง -21% YoY ขณะที่คาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาสที่ 4/2566 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากขาดทุนรถยึดที่คาดว่าจะทรงตัวสูงต่อ

ราคาหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลง -7% เมื่อเทียบกับ SET เพราะขาดทุนรถยึดที่อยู่ในระดับที่สูงมากในไตรมาสที่ 2 และยังสูงต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ขณะที่คาดจะยังทรงตัวระดับสูงต่อในไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ดีValuation ลงมาซื้อขายที่ระดับ 0.73 เท่าของ PBV ที่ระดับเพียง -1.50SD below 10-yr average PBV และ KKP ยังมีอัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในระดับสูงที่ราว 5% เราจึงยังคงแนะนำเพียง “ถือ”
ด้านตลาดหุ้น ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีปิดที่ 1,391.03 จุด ลดลง 8.32 จุด หรือ -0.59% มูลค่าซื้อขาย 49,584 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,444.49 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยซื้อ 1,152.72 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 395.78 ล้านบาท

ด้านค่าเงินบาทปิดที่ระดับ 36.12 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าตามภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัว และไทยรายงานส่งออกเดือนก.ย.66 ขยายตัว 2.1% ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะติดลบ

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) อ่อนลงหลังขึ้นไป 5%, เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า, ราคาน้ำมัน และราคาทองคำลดลง จากสงครามตะวันออกกลางที่ไม่ลุกลามออกไป

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 ต.ค.) ตลาดมีโอกาสรีบาวด์ขึ้น โดยมีแนวรับ 1,385 จุด แนวต้าน 1,410 จุด