SCB ลบ 3.76% เจอหั่นกำไรปี’66-67 ทรีนีตี้ชี้เป้า116บาท

HoonSmart.com>>หุ้น SCB ลบ 3.76% กำไรไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าคาด จากค่าใช้จ่ายสำรองฯ สูงเกินคาด  NPL กลับมาเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น  ทำให้บล.ทรีนีตี้ปรับลดประมาณการกำไร ปี 66-67  หั่นราคาเป้าหมายปีนี้เหลือ 116 บาท ปีหน้า 121 บาท  

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB)  ปิดที่ 96.00 บาท ลดลง 3.75 บาท หรือ-3.76% มูลค่าซื้อขาย 5,908.63 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 99.75 บาท ขึ้นสูงสุด 100 บาท และต่ำสุด 95.50 บาท  ราคาปิดนิวโลว์ในรอบ 52 สัปดาห์

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุกําไรสุทธิของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 9.7 พันล้านบาท (-19% QoQ-6% YoY)ต่ำกว่า consensus, ประมาณการของเรา 9%, 7% เนื่องจากค่าใช้จ่ายสํารองฯ (credit cost) สูงเกินคาด และค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ดังนั้น กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 66  อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 81% ของประมาณการกําไรเต็มปี คงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 130 บาท (PBV ที่ 0.85 เท่า)

NIM เพิ่มขึ้น 7bps QoQ และ 38bps YoY (น้อยกว่าธนาคารอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 15-20bps QoQ) เพราะธนาคารจัดชั้นหนี้ปรับโครงสร้างที่ประสบปัญหาใหม่ และ ตัดรายได้ดอกเบี้ยที่ไม่ได้รับจากลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวซึ่งไม่สามารถชําระหนี้ตามกําหนดได้ออกไป นอกจากนี้ yield ของสินเชื่อ H/P และสินเชื่อจดจํานองยังถูกกดดันเพราะไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้

Gross NPL พลิกกลับมาเพิ่มขึ้น 3% QoQ และ 4% YoYแม้ว่าจะมีการ write-off และขายหนี้เสียออกไปในไตรมาส 2  และไตรมาส 3 เช่นกัน ทั้งนี้ หลังจากที่ NPL สูงจากสินเชื่อปลอดหลักประกันในไตรมาส 2 ธนาคารชี้แจงว่า NPL ใหม่ในไตรมาส 3 มาจากสินเชื่อ SME, สินเชื่อจดจํานอง และสินเชื่อ H/P ทําให้ธนาคารปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายสํารองฯเป็น 200bps (สูงกว่าที่วางแผนเอาไว้ที่ 180-190bps) สะท้อนถึงนโยบายเชิงรุกในการรับมือกับหนี้ผิดนัดชำระก่อนที่จะกลายเป็น NPL เพราะสินเชื่อ stage2 ลดลงอย่างมากในไตรมาส 3/66

ด้านบล.ทรีนีตี้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลง 3% และ 6% จากประมาณการก่อนหน้าลงเหลือ  41,311 ล้านบาท (+10%YoY) และ 45,437 ล้านบาท (+10%YoY) หลังประกาศกำไรไตรมาสที่ 3/2566 ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 14% จึงปรับราคาเป้าหมายปี 2566 ใหม่ลงเหลือ 116 บาท อิง PBV
0.80 เท่า ขณะเดียวกันได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 121 บาท ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐาน แต่หากเทียบในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ถือว่ามีความน่าสนใจน้อยกว่า