บล.กสิกรฯให้แนวรับ 1390,1370 สัปดาห์หน้า จับตาส่งออก-ฟันด์โฟลว์

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยมองหุ้นหลุด 1,400 ให้แนวต้าน 1,415 และ 1,440 จุด ตามลำดับ ด้านธนาคารกสิกรไทยมองกรอบค่าเงินบาท  36.10-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดที่ 36.52 บาท ต่างชาติขายหุ้น-บอนด์เฉียด 1.4 หมื่นล้านบาท 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (23-27 ต.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,390 และ 1,370 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,415 และ 1,440 จุด ตามลำดับ

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/66      ของบจ.ไทย

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Indice เดือนก.ย.ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนต.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของจีน

ดัชนีหุ้นร่วงลงหลุดแนว 1,400 จุด โดยหุ้นปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อนสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลจะยืดเยื้อ แม้ผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยจะยังจำกัดก็ตาม

นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตลอดจนโอกาสของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และท่าทีของประธานเฟดที่มีความกังวลต่อทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ ซึ่งยังอยู่ในระดับสูง หุ้นปรับตัวลงถ้วนหน้าในช่วงปลายสัปดาห์ นำโดย ไฟแนนซ์ เทคโนโลยี วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มแบงก์

ในวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,399.35 จุด ลดลง 3.54% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,427.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.25%  ส่วนดัชนี mai ลดลง 5.65% มาปิดที่ระดับ 407.88 จุด

สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (23-27 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 36.10-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าลงตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

นอกจากนี้สัญญาณขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 5.00% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี ก็เป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมที่กดดันค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีราคาทองคำในตลาดโลกที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นในระหว่างสัปดาห์ ช่วยชะลอกรอบการอ่อนค่าของเงินบาทไว้บางส่วน

เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากท่าทีของประธานเฟดที่ยังคงกังวลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐฯ แม้จะยอมรับว่า การขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินในช่วงที่ผ่านมา อาจลดความจำเป็นของการคุมเข้มทางการเงินต่อเนื่องของเฟดก็ตาม

ในวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 36.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (12 ต.ค.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค.2566 นั้น ขายสุทธิหุ้นไทย 4,053 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 9,847 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 9,772 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 75 ล้านบาท)