ดาวโจนส์ปิดร่วง 250 จุด เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดร่วง 250 จุด  ประธานเฟดส่งสัญญาณอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก  หนุนบอนด์ยีลด์พุ่งขึ้นแตะ 5% เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี  นักลงทุนเกาะติดสถานการณ์ตะวันออกกลาง ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดติดลบ ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น  

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 19 ต.ค.2566 ที่ 33,414.17 จุด ลดลง 250.91 จุด หรือ 0.75% หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น 5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,278.00 จุด ลดลง 36.60 จุด, -0.85%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,186.18 จุด ลดลง 128.13 จุด, -0.96%

ตลาดปรับตัวลงในช่วงบ่าย หลังนายพาวเวลล์กล่าวในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ว่า อัตราเงินเฟ้อยังสูงเกินไป และเตือนว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกยังคงเป็นไปได้ หากเศรษฐกิจยังคงร้อนแรงเกินคาดหรือตลาดแรงงานยังตึงตัว

ขณะเดียวกันก็พบว่าข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลง และยังกล่าวอีกว่านโยบายการเงินยังไม่เข้มงวดเกินไป

นายพาวเวลล์กล่าวว่า ข้อมูลที่เข้ามาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องไปสู่เป้าหมายสองประการของเฟด นั่นคือการจ้างงานสูงสุดและเสถียรภาพของราคา แต่ไม่ว่ามองทางไหน อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงเกินไป

อย่างไรก็ตามนายพาวเวลล์กล่าวว่า คณะกรรมการเฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง ขึ้นอยู่กับข้อมูล และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป
การให้ความเห็นของนายพาวเวลล์ เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดตั้งใจที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง

ข้อมูลในสัปดาห์นี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่ตึงตัว โดยกระทรวงแรงงานรายจำนวนการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 13,000 ราย มาที่ 198,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และต่ำกว่า 210,000 ที่นักวิเคราะห์คาด

นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หลังการให้ความเห็นของนายพาวเวลล์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นแตะ 5% เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีปรับขึ้นไปที่ 5.1% และเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สี่

นักลงทุนดูเหมือนจะมองว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้อย่างน้อยในการประชุมนโยบายครั้งต่อไป โดยเมื่อวานนี้ เครื่องมือ FedWatch ของกลุ่ม CME ให้นำหนัก 97% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นจากประมาณ 93% ในวันก่อนหน้า

สเตฟานี แลง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Homrich Berg กล่าวว่า นักลงทุนไม่แน่ใจว่าเฟดจะขยับอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวอย่างไรหรือไม่ ยังคงมีความสับสนในตลาด เพราะเฟดเองลังเลที่จะบอกว่าสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนกว่าชัดเจนมากขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่จุดใด
นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงาน โดยราว 15% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 แจ้งผลประกอบการมาแล้ว ซึ่งกว่า 74% ดีกว่าที่คาด

หุ้นเทสลาลดลงกว่า 9% หลังผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาดทั้งรายได้และกำไรไตรมาสสาม
หุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่ง 16% จากกำไรไตรมาสสามสูงเกินคาด

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากผลประกอบการของบริษัทที่ต่ำกว่าคาดจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาหารสำเร็จรูปอย่างเนสท์เล่ ขณะที่ยิ่งเลี่ยงความเสี่ยงลงไปอีก จากความวิตกเกี่ยวกับสงครามในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

หุ้นยุโรปร่วงลงอย่างมากในสัปดาห์นี้ โดยลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ย หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งและการรายงานผลประกอบการที่ผสมปนเป

แรงกดดันต่อตลาดหุ้นส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี ยังกดดันตลาดหุ้น ในขณะที่รอการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี

โธมัส เฮมเปลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยมหภาคและตลาดของ Generali Investments กล่าวว่า ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อบวกกับการฟื้นตัวของสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่าปัจจัยหลักให้

ตลาดปรับความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปลายปีนี้

หุ้นเนสท์เล่ลดลง 3.4% หลังรายงานยอดขายรอบ 9 เดือนต่ำกว่าคาด
หุ้นเรโนลด์ บริษัทรถยนต์ฝรั่งเศสลดลง 7.3% จากรายได้ไตรมาสสามต่ำกว่าคาด
หุ้นโนเกีย ลดลง 6.4% หลังประกาศแผนปลดพนักงานหลังยอดขายไตรมาสสามต่ำกว่าคาด

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 439.73 จุด ลดลง 5.29 จุด, -1.19%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,499.53 จุด ลดลง 88.47 จุด, -1.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,921.37 จุด ลดลง 44.62 จุด, -0.64%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,045.23 จุด ลดลง 49.68 จุด, -0.33%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 89.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 92.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล