ไอร่า คาดตลาด Sideways “อิสราเอล-ปาเลสไตน์”ตึงเครียด

HoonSmart.com>>ไอร่า (AIRA)คาดตลาดวันนี้ “Sideways” จากความกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ มองแนวรับที่บริเวณ 1,423 / 1,423 และแนวต้านที่บริเวณ 1,430 / 1,444 คาดตลาดยังได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากความกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ หลังจอร์แดนประกาศยกเลิกการประชุม 4 ฝ่ายหลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซาส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตราว 500 คน คาดยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ทั้งนี้ บล.ไอร่า (AIRA) คาดว่าในระยะถัดไปตลาดจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ลงบ้าง หลัง สหรัฐมีท่าทีเคลื่อนไหวอยากยุติความรุนแรงดังกล่าว รวมทั้งอิสราเอลเริ่มส่งสัญญาณจะไม่ใช่การโจมตีภาคพื้นดินต่อกลุ่มฮามาส คาดจะส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวได้บ้างเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป

อีกทั้ง แนะนำติดตามถ้อยแถลงของคุณเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ในวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน (Blackout Period) โดยคาดจะจะให้ความสนใจไปที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไปหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งอาทิดัชนีผู้บริโภคและตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือน ก.ย. ออกมามากกว่าที่ตลาดคาด คาดจะกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยได้ คาดตลาดจะติดตามถ้อยแถลงดังกล่าวเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 88.32 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.66 ดอลลาร์ (+1.92%) ได้รับแรงหนุนจากความกังวลสถานการณ์อิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมทั้งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบออกมาลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ดีเราคาด Upside ของราคาน้ำมันค่อนข้างจำกัดโดยมองราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มที่ FED มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน รวมทั้งประเด็นสหรัฐมีโอกาสผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรมีต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาเพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมันเข้าสู่ตลาด เป็นปัจจัยจำกัด Upside ของราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่

สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ดีของตลาด ยังคาดว่าตลาดยังติดตามการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยโดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง ล่าสุดเริ่มมีการพูดถึงโอกาสที่รัฐบาลจะปรับลดงบประมาณในโครงการดังกล่าว และกระจายแหล่งที่มาของเงินทุน คาดเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อแนวโน้มโอกาสที่โครงการดังกล่าวจะสามารถออกมาตรการได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567

ทั้งนี้ ยังคงคาดว่า Downside ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความจำกัด จากระดับการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยล่าสุดอยู่ที่ Forward PE 16.0 เท่า+/- ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -0.5 S.D. ที่ 16.7 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าความน่าสนใจในเชิง Valuation มีมากขึ้น ขณะที่มีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางค่าเงินบาทมากขึ้น ที่เริ่มชะลอการอ่อนค่าลงแล้วเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.3 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ+/- คาดจะส่งผลให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติลดลง และอาจเห็นแรงซื้อกลับหุ้นไทยได้บ้าง ขณะที่ต้องติดตามการรายงานผลประกอบการหุ้นในกลุ่มธนาคารฯ ต่อ Bloomberg Consensus ประเมินกำไรไตรมาส 3 ปี 2566 อาจปรับลดลงบ้าง 5.52%QoQ แต่จะ เพิ่มขึ้น 8.73%YoY จาก NIM และ Non-NII ยังปรับเพิ่มขึ้น

ธีมการลงทุน “Selective Play” หุ้นแนะนำวันนี้ “KTB” เราคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 จะเพิ่มขึ้นได้ตาม NIM ที่ปรับขึ้นต่อจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้า ขณะที่รายงาน FVTPL คาดจะได้รับประโยชน์ตามการอ่อนค่าของค่าเงินบาทในช่วงก่อนหน้า

กลยุทธ์ ซื้อสะสม แนวรับ 19.30 / 19.00 บาท Target 20.50 / 21.00 บาท Stop <18.70 บาท