ดาวโจนส์ปิดทรุด 332 จุด บอนด์ยีลด์พุ่งสุงสุดรอบ 16 ปี

HoonSmart.com>>3 ตลาดหุ้นสหรัฐร่วง หลังบอนด์ยีลด์พุ่งสุงสุดรอบ 16 ปี ด้วยความกังวลต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง จับตาผลการดำเนินงานบริษัทใดดีจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น หรือรายได้เติบโตผ่านมาตรการลดต้นทุนเพียงอย่างเดียว   ด้านตลาดหุ้นยุโรปติดลบ จากแรงถ่วงของหุ้นผู้ผลิตชิปที่ลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 18 ต.ค.2566 ที่ 33,665.08 จุด ลดลง 332.57 จุด หรือ 0.98% จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับในรอบ 16 ปีอีกครั้ง ด้วยความกังวลต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และจากคำเตือนเรื่องผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,314.60 จุด ลดลง 58.60 จุด, -1.34%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,314.30 จุด ลดลง 219.44 จุด, -1.62%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมาที่เหนือ 4.9% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีปรับขึ้นเหนือ 5%

เจมี ค็อกซ์ หุ้นส่วนผู้จัดการของ Harris Financial กล่าวว่า ตลาดกำลังพยายามคิดว่าอัตราดอกเบี้ยจะไปถึงจุดสูงสุดที่จุดไหน และต้องการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสูงถึง 5%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์รายงานการอนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.8% มาที่ 965,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 และสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

ราคาน้ำมันขยับขึ้นมากกว่า 1% หลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านเรียกร้องให้คว่ำบาตรอิสราเอล ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ

นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน จากสถานการณ์ในตะวันออกกลางหลังทางการอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างโทษกันและกัน ในกรณีที่มีการระเบิดโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฉนวนกาซา ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดินทางถึงอิสราเอลเมื่อวันพุธ แต่จอร์แดนยกเลิกการประชุมสุดยอดที่วางแผนไว้กับผู้นำอาหรับหลังเหตุระเบิดในฉนวนกาซา

นักลงทุนยังคงจับตาการแจ้งผลการดำเนินงานและการคาดการณ์แนวโน้มของบริษัทจดทะเบียน

เควิน กอร์ดอน นักกลยุทธการลงทุนอาวุโสของ Charles Schwab กล่าวว่า ตลาดหันไปมองที่การเติบโตของรายได้ในฤดูกาลการรายงานผลประกอบการนี้ นักลงทุนกำลังประเมินว่าบริษัทไหนที่ได้รับผลดีจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น และบริษัทไหนที่มีรายได้เพิ่มผ่านมาตรการลดต้นทุนเพียงอย่างเดียว

หุ้น J.B. Hunt ลดลง 8.9% จากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด
หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 9.7% หลังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้น และการระงับเที่ยวบินไปยังกรุงเทลอาวีฟในช่วงสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่ม

ฮามาส จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของสายการบินในช่วงไตรมาส 4

หุ้นมอร์แกน สแตนเลย์ลดลง 6.8% เป็นการลดลงภายในหนึ่งวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 หลังผลการดำเนินงานสายงานเวลท์ แมเนจเม้นท์ที่ย่ำแย่กลบรายได้และกำไรที่ดีกว่าคาด

หุ้นพร็อกเตอร์แอนด์ แกมเบิลบวก 2.6% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด

หลังปิดตลาดหุ้นเทสลาเพิ่มขึ้นราว 2% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้นราว 12% หลังการรายงานผลประกอบการรายไตรมาส

หุ้น Nvidia ลดลงกว่า 3% เช่นเดียวกับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายอื่น หลังจากที่สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีชิป AI ไปยังจีนอย่างเข้มงวด

นักลงทุนยังรอการกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันพฤหัสบดีนี้ของนายเจอโรม พาวเวล์ ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ที่จะถึงนี้

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงถ่วงของหุ้นผู้ผลิตชิปที่ลดลง ขณะที่ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงขึ้นยังส่งผลต่อความเชื่อมั่น
ดัชนี STOXX 600 ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า การโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซา ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตหลายร้อยคนนั้นได้เพิ่มความเสี่ยงให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐที่เดินทางเยือนอิสราเอล

หุ้น ASML Holding บริษัทผลิตอุปกรณ์ชิปจากเนเธอร์แลนด์ลดลง 3.4% หลังรายงานคำสั่งซื้อที่ต่ำกว่าคาดเนื่องจากลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ และเตือนว่ายอดขายจะทรงตัวในปี จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

หุ้นผู้ผลิตชิปอื่น ทั้งหุ้น ASM International หุ้น Aixtron และหุ้น BE Semiconductor พากันลดลง 0.8% ถึง 4.5%

แอนทิ ซูวาลี นักกลยุทธ์ด้านสินทรัพย์ของ State Street Global Markets กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่น่าผิดหวังของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลเนื่องจากเป็นภาคส่วนที่ใหญ่และสำคัญสำหรับยุโรป

ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสงครามในตะวันออกกลาง รายงานผลประกอบการที่หลากหลาย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้หุ้นยุโรปตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในสัปดาห์นี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 445.02 จุด ลดลง 4.74 จุด, -1.05%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,588.00 จุด ลดลง 87.21 จุด, -1.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,965.99 จุด ลดลง 63.71 จุด, -0.91%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,094.91 จุด ลดลง 156.78 จุด, -1.03%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 88.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 91.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล