ดาวโจนส์ปิดบวก 197 จุด รับรู้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 197 จุด ดัชนี S&P500 , Nasdaq บวก จากช่วงแรกตลาดปรับตัวลดลงจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและฮามาส เพิ่มความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ให้กับอัตราดอกเบี้ยและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ “ราคาน้ำมันดิบ” ปิดพุ่งกว่า 4.3% ปิดที่ 86.38 ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 9ตุลาคม 2566 ที่ 33,604.65 จุด เพิ่มขึ้น 197.07 จุด หรือ 0.59% หลังนักลงทุนเมินแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง อันเนื่องจากความขัดแย้งรุนแรงระหว่างอิสราเอลและฮามาสกลางที่กำลังลุกลาม และเพิ่มความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ให้กับอัตราดอกเบี้ยและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,335.66 จุด เพิ่มขึ้น 27.16 จุด, +0.63%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,484.24 จุด เพิ่มขึ้น 52.90 จุด, +0.39%

ในช่วงแรก ตลาดปรับตัวลงจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ทวีความรุนแรงขึ้น จากการที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสเปิดฉากปฏิบัติการอัล อักซอโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อเช้าวันเสาร์ ชาวอิสราเอลมากกว่า 700 คนและชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 687 คนเสียชีวิต ในการตอบโต้ของอิสราเอลที่ฉนวนกาซา และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลประกาศว่าประเทศอยู่ในภาวะสงคราม ทำให้นักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งเต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง อาจเข้าสู่สมรภูมิสงครามที่มีอยู่แล้วและยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน

จิม รีด นักกลยุทธศาสตร์ของดอยช์แบงก์กล่าวว่า ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อในตลาด แต่มีผลกระทบในลำดับต่อมามากมายที่อาจเกิดขึ้นในระยะต่อไปจากเหตุการณ์ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงาน โดยผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงสั้นๆ แต่ผลกระทบโดยรวมมีจำกัด ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นยังอาจทำให้ตลาดมีความผันผวนใมากขึ้น ซึ่งทำให้เทรดเดอร์กังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีอยู่และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นท่ามกลางการคาดเดาว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ในภูมิภาคอาจถูกดึงเข้าสู่การต่อสู้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent ซื้อขายกันสูงกว่า 4% ในขณะที่การต่อสู้เข้าสู่วันที่สาม

หุ้นทุกกลุ่มปิดบวก นำโดยกลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรม ซึ่งบวก 3.5% และ 1.6% ตามลำดับ หุ้นฮาลลิเบอร์ตัน นำการปรับขึ้นในกลุ่มโดยเพิ่มขึ้น 6.8% ตามมาด้วยหุ้นมาราธอนออยล์ที่เพิ่มขึ้น 1.63% และหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ 6.49%

หุ้นบริษัทผลิตอาวุธก็ปรับขึ้นมากโดยหุ้นล็อคฮีด มาร์ตินเพิ่มขึ้นเกือบ 9% หุ้นนอร์ธรอป กรัมแมน เพิ่มขึ้นกว่า 11% และหุ้นเจนเนอรัล ไดนามิกส์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 8% and .

แอนนา รัธบุน ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ CBIZ Investment Advisory Services กล่าวว่า ตอนนี้ฝุ่นยังตลบ คิดว่าจะใช้เวลา 2-3 วันในการทำความเข้าใจว่าผลกระทบที่แท้จริงอยู่ที่ไหน แต่กำลังจับตาอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของ OPEC อย่างใกล้ชิด ที่จะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมัน ในขณะที่ความขัดแย้งยังมีอยู่

ตลาดตราสารหนี้ปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันโคลัมบัส ซึ่งหมายความว่า ต้องรอจนถึงวันอังคารจึงจะมีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจในวงกว้าง รวมไปถึงการรายงานการประชุมเดือนกันยายนของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพฤหัสบดี

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยกลุ่มค้าปลีกกับกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ด้วยแรงกดดันจากการปะทะกันทางทหารในตะวันออกกลางที่ส่งผลให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรและทองคำ ขณะเดียวกันก็ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 3%

นักลงทุนทั่วโลกลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสกลุ่มอิสลามิสต์ปาเลสไตน์ ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศทั่วทั้งภูมิภาค และทำให้ความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันเพิ่มมากขึ้น

ดัชนีกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 2.9% จากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 3% สู่ระดับสูงกว่า 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ตลาดในวงกว้างอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

หุ้นสายการบิน ทั้ง IAG เจ้าของสายการบินบริติชแอร์เวย์ แอร์ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม และ ลุฟท์ฮันซ่าลดลง 4% ถึง 8% เนื่องจากสายการบินระหว่างประเทศหลายรายกังวลเกี่ยวกับต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และระงับบริการเที่ยวบินไปเทลอาวีฟ

ในกลุ่มบริษัทผลิตอาวุธ หุ้นไรน์เมทัล ของเยอรมนี หุ้นซาบบ์ของสวีเดน หุ้นลีโอนาร์โดของอิตาลี เพิ่มขึ้นระหว่าง 4% ถึง 9% จากแนวโน้มความขัดแย้งทางทหารที่ยืดเยื้อในภูมิภาค

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 443.79 จุด ลดลง 1.14 จุด, -0.26%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,492.21 จุด ลดลง 2.37 จุด, -0.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,021.40 จุด ลดลง 38.75 จุด, -0.55%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,128.11 จุด ลดลง 101.66 จุด, -0.67%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 3.59 หรือ 4.3% ปิดที่ 86.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 3.57 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 88.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล