FSSวางแนวรับ 1,425 จุด สงคราม-บอนด์ยีลด์ฉุดตลาด

HoonSmart.com>>ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) คาด SET Index วันนี้แกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,425-1,445 จุด สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ,Bond Yield สหรัฐฯ กดดันตลาด

ฟินันเซีย ไซรัส (FSS)คาด SET Index วันนี้(9 ต.ค.)แกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,425-1,445 จุด ปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนคือสงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส รวมถึง Bond Yield สหรัฐฯที่ยังอยู่ในระดับสูง 4.8% หลังตัวเลขการจ้างงานนอกจากเกษตรเดือน ก.ย. ที่ออกมาสูงกว่าคาดที่ 3.36 แสนตำแหน่ง (ตลาดคาด 1.7 แสนตำแหน่ง)

อย่างไรก็ตามกลุ่มพลังงานต้นน้ำคาดว่าจะปรับตัวขึ้นพยุงตลาดได้บ้าง มองประเด็นสงครามของอิสราเอลจะกระทบสินทรัพย์เสี่ยงจำกัดกว่ากรณีรัสเซีย-ยูเครนแต่ต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะลุกลามและมีประเทศอื่นๆเข้ามามีบทบาทเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง

ส่วนปัจจัยที่ตลาดรอติดตามสัปดาห์นี้คือคือตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือน ก.ย.สหรัฐฯคืนวันพฤหัสฯ ตลาดคาด Core CPI +0.3% m-m, +4.1% y-y คาดกลุ่มที่จะยังแกว่งตัวได้ดีกว่าตลาดต่อเนื่อง ได้แก่ การแพทย์ สื่อสารฯ ธนาคาร ตามทิศทางกำไร 3Q23 ที่แข็งแรง ขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค ได้แก่ ค้าปลีก อาหารท่องเที่ยว คาดทยอยฟื้นตัวได้เช่นกันจากกำลังซื้อที่จะดีขึ้นทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะกำลังซื้อที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลและทยอยออกมาเพิ่มเติมในไตรมาส 4 ปี 2566-2567
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไรไตรมาส 3 ปี 2566 แข็งแกร่ง//ถือลงทุนระยะยาวหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วบริเวณ 1,450+- จุด

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลออกจากภูมิภาคอีก 309 ล้านเหรียญสหรัฐ นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ 160 ล้านเหรียญสหรัฐและ 106 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินไหลออกนำโดยไทย 44 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนประเทศอื่นทรงตัวแนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกจาก Bond Yieldที่ยังอยู่ในระดับสูงหลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯสูงกว่าคาดรวมถึงความกังวลสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) OSP แจ้งหยุดโรงงานผลิตขวดแก้ว 1 โรงที่สมุทรปราการ ตั้งแต่ 1 ธค นี้เป็นต้นไปเป็นลบระยะสั้น โดยจะดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบตามกฎหมายและระบุว่าจะบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบด้านการผลิตเพราะยังมีโรงงานขวดแก้วที่อยุธยารองรับได้เพียงพอ อย่างไรก็ตามไตรมาส 4 ปี 2566 จะบันทึกค่าใช้จ่าย Write off สินทรัพย์และค่าใช้จ่ายเลิกจ้างพนักงานราว 5% ของพนักงานทั้งหมดจากการปิดเตานี้ โดยรวมคิดว่าผลของหยุดเตานี้ อาจทำให้กำไรในครึ่งหลังของปี 2566 ไม่ตื่นเต้น แต่จะเป็นบวกระยะถัดไป ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ OSPยังมีโรงแก้วที่อยุธยารองรับได้อย่างเพียงพอ และอยู่ระหว่างปรับ Efficiency อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ cover โรงที่สมุทรปราการได้ทั้งหมดอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไร อาจมีปรับกำไรปี 2566 ลงและจะปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2567 เบื้องต้นที่ 33 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) IPO ใหม่ SCL เป็นผู้จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร มีผลิตภัณฑ์กว่า 167,000 รายการ ทั้งอะไหล่รถยนต์แท้ภายใต้แบรนด์ค่ายรถยนต์ เช่น ISUZU, MITSUBISHI,TOYOTA, HONDA, FUSO, FORD, NISSAN และ CHEVROLET และอะไหล่รถยนต์ทดแทน รายได้เกือบ 90% มาจากการขายอะไหล่แท้ และอีกราว 10% มาจากอะไหล่ทดแทน ผู้บริหารมีประสบการณ์ 58 ปี มีความรู้ในธุรกิจอะไหล่รถยนต์ลึกซึ้ง รายได้หลัก 46-57% มาจากอะไหล่ของ ISUZU ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถกระบะและรถบรรทุก
คาดกำไรปี 2023 -38% y-y จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเข้าตลาดฯ คาดกำไรปี 2567-2568 +61% y-y และ +27% y-y ตามลำดับ ประเมินราคาเป้าหมาย 2.64 บาท (Finansia
เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)

(+) IPO ใหม่ SAFE  ผู้นำคลินิกมีบุตรยากแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยีนำสมัยระดับสากล ปัจจุบันมี 5 สาขา โดยทีมแพทย์กว่า 13 ท่าน
และทีมนักวิทยาศาสตร์ 30 ท่านที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี รายได้หลักมาจากการทำICSI (79%) และตรวจพันธุกรรม (19%) คนไข้ที่เข้ารับการรักษาราว 50% เป็นต่างชาติ อาทิ จีน อินเดีย พม่า เวียดนาม ประเด็นสำคัญลงทุนคือ Business Model มีความมั่นคงจากการได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วแห่งแรกของไทย ด้วยอัตราความเสร็จในการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากเฉลี่ยมากกว่า 70% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่
30-46% คาดกำไรปี 2566-2568 เติบโตเฉลี่ยปีละ +28% ประเมินราคาเป้าหมาย 25 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจำหน่ายฯหุ้น IPO)