หุ้นไทยเดือนก.ย.ร่วง 6.6% บอนด์ยีลด์สูง-บาทอ่อนค่ามาก

HoonSmart.com>>หุ้นไทยเดือนก.ย.66 ดัชนีหุ้นร่วง 6.6% จาเดือนก่อนหน้า เป็นไปตามตลาดภูมิภาค มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 49,462 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34.1% ปรับฐานครั้งใหญ่ สาเหตุหลักจากบอนด์ยีลด์สหรัฐสูงขึ้น เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และความเปราะบางเศรษฐกิจจีน ส่งเงินไหลออกจากเอเชีย ส่งเงินสกุลต่าง ๆ อ่อนค่า โดยเฉพาะเงินบาทที่อ่อนค่ามาก ส่วนตลาด TFEX เดือนก.ย.66 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 583,283 สัญญา เพิ่มขึ้น 10.4% จากเดือนก่อน

ในเดือนกันยายน 2566 ผู้ลงทุนมีความสนใจในหุ้นลดลงหลังจากมีการปรับฐานครั้งใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นเติบโตและกลุ่มเทคโนโลยี สาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของ Bond Yield สหรัฐฯ เนื่องจากผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ถือเป็นการดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวนานกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า ขณะที่ราคาน้ำมันโลกปรับเพิ่มขึ้นหลังจากผู้ผลิตรายใหญ่ยังคงจำกัดปริมาณการผลิต

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบล่าสุด โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวกกับเศรษฐกิจของไทยในปี 2566-2567 นำโดยการบริโภคภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการฟื้นตัวของการส่งออก แต่จากแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายกลับไปยังพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ และความเปราะบางของเศรษฐกิจจีน ทำให้เห็นสัญญาณเงินทุนไหลออกจากหลายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียในเดือนกันยายน 2566 ทำให้เงินสกุลต่างๆ ปรับตัวอ่อนค่า โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่ปรับลดลงมาก อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างชาติยังรอจังหวะการกลับเข้าซื้อหุ้นไทยด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางค่าเงินบาท รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

ณ สิ้นเดือนก.ย.66 SET Index ปิดที่ 1,471.43 จุด ลดลง 6.0% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาค และปรับลดลง 11.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai เดือนก.ย.66 อยู่ที่ 49,462 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 34.1% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 9 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 56,218 ล้านบาท

ในเดือนกันยายนปี 2566 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มบริการ

ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเป็นเดือนที่แปด โดยในเดือนก.ย.66 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 22,436 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17

เดือนก.ย.66 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) บริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) และบริษัท ไทย โคโคนัท (COCOCO) และใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC)

Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนก.ย.66 อยู่ที่ระดับ 16.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.8 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 22.5 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.7 เท่า

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนก.ย. 66 อยู่ที่ระดับ 3.15% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.39%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนก.ย.66 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 583,283 สัญญา เพิ่มขึ้น 10.4% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 548,766 สัญญา ลดลง 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures