3 โบรกเชียร์ซื้อ SAV ชี้เป้า 24-25 บาท กำไรพุ่งกระฉูด

HoonSmart.com>>3 โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ซื้อหุ้น “สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์” (SAV)  เคาะราคาเป้า 24-25 บาท/หุ้น คาดกำไรไตรมาส 1/67 ทุบสถิติออลไทม์ไฮ รับปริมาณเที่ยวบินเพิ่ม เก็งผลงานทั้งปีก้าวกระโดด  104% และบินสูงต่อเนื่อง 3 ปี  ล่าสุดราคาปิดที่ 21.30  บาท พุ่งขึ้น 5.45%

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์  (SAV) เคาะราคาเป้าหมายที่ 25 บาท ชี้ฐานะทางการเงิน-กระแสเงินสดแข็งแกร่ง ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิทั้งปีคาดว่าจะเติบโตโดดเด่นถึง 104% ลุ้นคว้างานบริหารจราจรทางอากาศในสปป.ลาว ที่มีศักยภาพสูงและมีเที่ยวบินทั้งหมดมากกว่ากัมพูชา 2-3 เท่า

นอกจากนี้ยังคาดว่ากำไรจะเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องใน 3 ปี จากการเติบโตของการจราจรทางอากาศในกัมพูชา ทำให้กำไรของ SAV เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2566  คาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 ตามการเติบโตของจำนวนเที่ยวบิน แรงหนุนของการเปิดบริการเที่ยวบินของแอร์เอเชียกัมพูชา ในเดือน พ.ค. รวมทั้งการเปิดดำเนินการของสนามบินอีก 3 แห่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2567-2569 จากฐานกำไรที่ต่ำในปี 2566 ประเมินกำไร SAV จะเติบโตสูงถึง 104% เป็น 556 ล้านบาทในปี2567 และเพิ่มอีก 23% เป็น 684 ล้านบาทในปี  2568

บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3 เท่า ทำสถิติสูงสุดใหม่หลังวิกฤตที่ 93 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 (เทียบกับ 31 ล้านบาทในไตรมาส 1/2566) คาดว่าปริมาณเที่ยวบินรวมจะเพิ่มขึ้น 10% y-y ปริมาณการลงจอดและบินขึ้นระหว่างประเทศควรเติบโต 15-20% y-y (50-55% ของก่อนโควิด) เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศกัมพูชาเพิ่มขึ้น ปริมาณเที่ยวบินข้ามควรเพิ่มขึ้น 5-10% y-y (90-95% ของก่อนโควิด) นำโดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในเวียดนาม รายได้น่าจะเพิ่มขึ้น 15-20% y-y เนื่องจากปริมาณเที่ยวบินที่สูงขึ้นและการแปลงค่าเงินที่เป็นบวก (หลังจากเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ) โดยรวมแล้วคาดว่ากำไรหลักไม่รวมภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT) จะเพิ่มขึ้น 36% y-y เป็น 108 ล้านบาท SAV น่าจะบันทึก WHT ที่ 14-16 ล้านบาทใน ไตรมาส 1  (เทียบกับ 47 ล้านบาทในไตรมาส 1/2566) ส่งผลให้กำไรเติบโต 204% เป็น 93 ล้านบาท

ขณะที่คาดการณ์กำไรหลักปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 56% เป็น 436 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น 20% เป็น 1.11 แสนเที่ยวบิน (83% ของเที่ยวบินก่อนโควิดอยู่ที่ 1.34 แสนเที่ยวบิน) นอกจากนี้ดอกเบี้ยจ่ายน่าจะลดลงอย่างมากจาก 69 ล้านบาทในปี 2566 เหลือเพียง 2-4 ล้านบาทหลังจากที่ SAV จ่ายคืนเงินกู้ระยะยาวด้วยเงินที่ได้รับจาก IPO คาดปริมาณเที่ยวบินแตะระดับก่อนโควิดปี 2568 คาดกำไรหลักพุ่งเป็น 568 ล้านบาท แซงกำไรก่อนโควิด 499 ล้านบาท

บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ “ซื้อ” SAV ด้วยราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงที่ 24.17 บาท โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 1 ที่แข็งแกร่งจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น คาดกำไรปกติไตรมาส 1 อยู่ที่ 107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% QoQ และ 229% YoY และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 414 ลบ. ลดลง 23% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 21% YoY รายได้ที่ลดลง QoQ เนื่องมาจากรายได้จากงานภายใต้สัญญาสัมปทานจำนวน 143 ล้านบาท  ซึ่งบันทึกไว้ในไตรมาส 4/2566 รายได้จากการตีความมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 12 (TFRIC12) ซึ่งบันทึกเท่ากับต้นทุนอุปกรณ์และระบบที่ลงทุนในท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบแห่งใหม่ซึ่งเปิดดำเนินการในเดือนต.ค. 2566 ขณะเดียวกันรายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY น่าจะเป็นผลจากจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการที่เพิ่มขึ้น

ด้านราคาหุ้น SAV  ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ขึ้นไปสูงสุดแตะ 21.80 บาท ก่อนปิดที่  21.30  บาท พุ่งขึ้น 1.10 บาท คิดเป็น +5.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 359.61 ล้านบาท  เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2567