ดาวโจนส์ปิดบวก 127 จุด บอนด์ยีลด์อ่อนตัวลง จ้างงานเพิ่มน้อยกว่าคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 127 จุด หลังบอนด์ยีลด์อ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดรอบ 16 ปี รายงานข้อมูลจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ท่ามกลางการถอดถอนประธานสภาผู้แทนราษฎรออกจากตำแหน่งครั้งประวัติศาสตร์ ราคาน้ำมันดิบลดลง 5.6% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบเป็นวันที่สาม
      
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 4ตุลาคม 2566 ที่ 33,129.55 จุด เพิ่มขึ้น 127.17 จุด หรือ 0.39% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดรอบ 16 ปีด้วยแรงขายที่ลดลง ขณะที่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมากรวมทั้งการจ้างงานภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ท่ามกลางการถอดถอนประธานสภาผู้แทนราษฎรออกจากตำแหน่งครั้งประวัติศาสตร์

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,263.75 จุด เพิ่มขึ้น 34.30 จุด, +0.81%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,236.01 จุด เพิ่มขึ้น 176.54 จุด, +1.35%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอ่อนตัวจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 ลงมาที่ 4.735% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีที่ทะลุ 5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 เมื่อวันพุธ ได้อ่อนตัวลงมาที่ 4.8770%

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงาน การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเพียง 89,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่า 160,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด และต่ำกว่าที่เพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ส่วนค่าจ้างเพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบรายปี ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12

หลังการรายงานข้อมูลของ ADP ที่สะท้อนว่าตลาดแรงงานเริ่มคลายความร้อนแรงนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้น ด้วยความคาดหวังว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคบริการเดือนกันยายนปรับตัวลงจาก 54.5 ในเดือนสิงหาคมสู่ระดับ 53.6 สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด

ไมค์ โลเวนการ์ต หัวหน้าฝ่ายการสร้างแบบจำลองพอร์ตโฟลิโอของ Morgan Stanley Global Investment Office กล่าวว่า ข้อมูล ADP อาจไม่ใช่ตัวชี้วัดข้อมูลงานรายเดือนของรัฐบาลที่เชื่อถือได้ แต่หากรายงานที่จะออกมาในวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานกำลังคลายความร้อนแรง นักลงทุนอาจคลายความกังวลลงบ้างเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นเวลานานและไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร

นักลงทุนหวังว่าตลาดแรงงานจะคลายความร้อนแรงลง และทำให้เฟดมีพื้นที่มากพอในการลดความเข้มงวดในการดำเนินนโยบายการเงิน จึงจับตาการรายงานข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนในวันศุกร์

ส่วนการโหวตปลดนายเควิน แม็กคาร์ธีออกจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐ แม้ยังไม่ส่งผลในทันทีต่อตลาดหุ้น แต่นักลงทุนมองว่าอาจจะมีโอกาสมากขึ้นที่หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดทำการ(Shutdown) ในไตรมาส 4 ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจเพราะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการเลือกประธานสภาคนใหม่

ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 3.7% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 4.47% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 3.87%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นที่มีการรายงานเมื่อวานนี้ได้แก่ คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้น 1.2% สูงกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเป็นวันที่สาม จากการลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มค้าปลีก แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งสหรัฐและยุโรปเริ่มอ่อนตัวลง จากระดับสูงสุดในรอบหลายปี
      
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 2.1% เป็นการลดลงมากสุดภายในวันเดียวในรอบเกือบ 3 เดือน หลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 3% ด้วยความวิตกต่อความต้องการ

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ลดลง 0.9% ตามราคาโลหะที่ลดลง ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกลดลง 1.7% แตะระดับต่ำสุดรอบเกือบ 4 เดือน หลังผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง 0.38% แม้อัตราดอกเบี้ยยังสูง แต่ความต้องการสินเชื่อชะลอตัว

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 440.08 จุด ลดลง 0.62 จุด, -0.14%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,412.45 จุด ลดลง 57.71 จุด, -0.77%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,996.73 จุด ลดลง 0.32 จุด,-0.01%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,099.92 จุด เพิ่มขึ้น 14.71 จุด, +0.10%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 84.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 5.11 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 85.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน