ธุรกิจ Soft Power ไทย ในเวที Thailand Focus 2023

โดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตลาดทุนเป็นกลไกที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการออมและการลงทุน ตลอดจนสนับสนุนการระดมทุนของธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการเงินทุน ทำให้การจัดสรรทรัพยากรทางเศรฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความก้าวหน้า และสามารถเติบโตไปพร้อมๆ กับภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในระยะยาว และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจหลากหลายเข้าถึงทุน อีกทั้งแสดงศักยภาพให้โดดเด่นในสายตาผู้ลงทุนต่างชาติ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดงาน Thailand Focus มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้จัดขึ้นภายใต้ธีม “The New Horizon” ที่ได้เปิดมุมมองใหม่ ให้ผู้ลงทุนเห็นถึงศักยภาพของภาคเอกชนและตลาดทุนไทย โดยได้นำเสนอเนื้อหาที่ลงลึกในศักยภาพ และโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรม ที่จะเป็นจุดขายใหม่ของประเทศ ซึ่งงานนี้ได้สื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนจากหลากหลายประเทศ และชี้ให้เห็นถึงโอกาสการลงทุนในตลาดทุนไทย

The New Horizon เป็นการก้าวไปข้างหน้าผ่านการสำรวจขอบเขตใหม่ ความเป็นไปได้และการเปิดรับโอกาสที่ไร้ขอบเขตที่รออยู่ข้างหน้า โดยดึงจุดแข็งของประเทศมาใช้ ซึ่งมีผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกให้ความสนใจเข้าร่วมงานและรับฟังแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เปิดโอกาสการเติบโตด้วยอุตสาหกรรมใหม่และธุรกิจที่เป็นอนาคตของประเทศ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากความเข้มแข็งของไทย เช่น การทำธุรกิจบนหลักความยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจ Soft Power ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยและเป็นหัวข้อหลักในงาน Thailand Focus 2023 ครั้งนี้

การใช้ประโยชน์จากจุดแข็งหลักด้าน Soft Power ของไทยมีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงการวางกลยุทธ์ และ Positioning ประเทศไทยในตลาดโลก เพื่อให้ได้ประโยชน์จากศักยภาพและขับเคลื่อนการเติบโตเป็นสิ่งสำคัญ

ทั้งนี้ความหมายของ Soft Power เกี่ยวข้องกับ “วัฒนธรรมที่มีพลังสูง เป็นทักษะสร้างสรรค์ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ” ซึ่งแสดงถึงการใช้คุณค่าวัฒนธรรมของไทยในการสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคง เน้นการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างการยอมรับและทำให้ประเทศอื่นๆ เข้าใจทั้งในด้านวัฒนธรรม การเมือง และนโยบายต่างประเทศ โดยมีมุมมองว่าวัฒนธรรมของไทยเป็นขุมทรัพย์และทรัพยากรที่มีค่าและสร้างความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ผ่านการใช้วัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ เช่น อาหารไทย ละครไทย กีฬาไทย เพื่อสร้างมูลค่าและรายได้ให้กับประเทศ โดยในงาน Thailand Focus 2023 มีการเสวนาในหัวข้อ “The Potential of Thailand’s Thriving Soft Power” ซึ่งมีการถอดบทเรียนจากผู้แทนบริษัทในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power ได้ดังนี้

• Siam Wellness Group อยู่ในธุรกิจสปา นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงาม มากว่า 25 ปี กล่าวบนเวทีว่า 60% ของรายได้มาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะศาสตร์เกี่ยวกับการนวดไทยมีการสืบสานจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนาน โดยบริษัทวางแผนจะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ดี อาจต้องมีการปรับการบริการเพื่อทำให้ต่างชาติสามารถเข้าถึง และได้รับการผ่อนคลายจากการนวดไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนไทย และการหารายได้ของคนไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

• Global Sport Venture อยู่ในธุรกิจเจ้าของสถานที่จัดการแข่งขันกีฬา และสร้าง Content เกี่ยวกับมวยไทย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรป ที่คลั่งไคล้ในกีฬามวยไทยซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ปัจจุบัน บริษัทได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับแพลตฟอร์มด้านกีฬาจาก UK และถ่ายทอดสดมวยไทยไปกว่า 200 ประเทศ อีกทั้งมีแผนการปรับปรุงสนามมวยราชดำเนิน รวมถึงเปลี่ยนแปลงกฎกติกาบางอย่างให้มีความทันสมัยเพื่อเป็นการพัฒนาและผลักดันให้วัฒนธรรมไทยกลายเป็นที่ยอมรับและสามารถแข่งขันในตลาดโลก

• S&P Syndicate ร้านอาหารไทยซึ่งให้บริการลูกค้ามายาวนานถึง 50 ปี โดยเป็นร้านอาหารยอดนิยมของคนไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ นอกจากนี้มีการขยายสาขาไปยังต่างประเทศด้วยเมนูที่แตกต่างจากที่ให้บริการในเมืองไทยผ่านการร่วมทุน และรูปแบบ Franchise โดยยึดแนวคิดที่อยากให้อาหารไทยดั้งเดิมที่เป็นจุดแข็งของประเทศ แต่ปรับรสชาติและวัตถุดิบ ให้เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งนอกจากช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยให้ยั่งยืนแล้วยังสามารถก้าวสู่ความเป็นนานาชาติได้อีกด้วย

งาน Thailand Focus 2023 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม 2023 ได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีผู้ลงทุนสถาบันหรือกองทุนเข้ามาร่วมงานรวม 95 กองทุน แบ่งเป็นผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศจำนวน 54 แห่ง และผู้ลงทุนสถาบันในประเทศจำนวน 41 แห่ง โดยมีตัวแทนเข้าร่วมงานรวมประมาณกว่า 200 ราย และมีการรับชมผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 7 หมื่นคน โดยในปีนี้ภาพรวมการจัดงานถือว่าได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ทั้งกลุ่มที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่แล้ว และรายใหม่ที่ยังไม่เคยร่วมงาน มีกองทุนจากหลากหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์, ฮ่องกง, สหราชอาณาจักร, มาเลเซีย, สหรัฐอเมริกา, สวีเดน, ไต้หวัน รวมถึงกองทุนขนาดใหญ่จากจีนและฮ่องกงที่กลับมาร่วมงานในปีนี้อีกครั้ง หลังจากสถานการณ์โควิด ประกอบกับปัจจัยการเมืองของไทยที่มีพัฒนาการเชิงบวกจากความชัดเจนมากขึ้น หลังสามารถเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้สำเร็จและถือเป็นภาพบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

“SET…Make it Work for Everyone”