HoonSmart.com>>ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) คาดปีนี้เติบโตตามเป้า 10% ผลจากผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น นักท่องเที่ยวเพิ่ม เงินเฟ้อลดต่ำกว่าคาดการณ์ ราคาวัตถุดิบลดลง เงินบาทอ่อนไม่กระทบธุรกิจ มั่นใจได้ต่อสัญญากับ 7-Eleven ต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่จับตลาดคนรักสุขภาพ
นางจิรพรรณ คชฤทธิ์ ชูแสง รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) กล่าวว่า มั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2566 จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% เพราะผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยวมีการเข้ามาจำนวนมาก มีคนเข้าร้าน 7-ELEVEN มากขึ้น ประกอบกับราคาวัตุดิบเช่น กาแฟ ชา ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อลดลงกว่าที่คาดการณ์ ทำให้เงินในกระเป๋ามากขึ้น ส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภค ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการเติบโตของธุรกิจที่เป็นของกินของใช้ ขณะที่ การเป็นคู่สัญญาเอ็กซคลูซีฟกับ 7-ELEVEN ซึ่งจะครบสัญญาในกลางปีหน้า คาดว่าจะได้รับการต่อสัญญาอย่างแน่นอน
“ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อวัตถุดิบของบริษัท เพราะเป็นการซื้อด้วยเงินบาททั้งหมด ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีเงินสดอยู่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐมีอยู่พอสมควร นอกจากนี้ยังมีการซื้อหุ้นกู้บ้างเพื่อเพิ่มรายได้ด้านอื่นๆ เหนือเหนือจากรายได้ดอกเบี้ยเงินฝาก”นางจิรพรรณ กล่าว
นางจิรพรรณ กล่าวว่า กรณีการซื้อหุ้นคืนนั้นจะยังไม่มีการขายออกมา เพราะปัจจุบันทางบริษัทมองว่าราคาหุ้นไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง จึงได้เข้าไปซื้อคืน โดยมั่นใจว่าการทำธุรกิจของบริษัทมาถูกทางและน่าจะเติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังคงสามารถจ่ายปันผลในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดเผยว่า TACC ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “ชาพีช วิตามินซีสูง” (Peach Tea Hi-C) ออกสู่ตลาด จับกลุ่มคนรักสุขภาพ เพื่อต้อนรับในช่วงเทศกาลกินเจ พร้อมวางจำหน่ายในร้านเซเว่น – อีเลฟเว่น (7-Eleven) ทั่วประเทศในวันที่ 28 ก.ย.2566 โดยความพิเศษของ Peach Tea Hi-C คือ การคัดสรรโปรไฟล์กลิ่นพีชจากสายพันธุ์ Fukushima Akatsuki Peach ของญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหอมหวานของลูกพีช นำมาผสมผสานเข้ากับรสเข้มข้นของชาดำและชาเขียว ได้เป็นชาพีชที่มีกลิ่นหอมพีชฉ่ำๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ให้ผู้ดื่มรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยอรรถรสของความละมุนและสดชื่นอย่างลงตัว และที่สำคัญคือมีวิตามินซีสูง
ปัจจุบัน TACC ได้จับมือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner และได้ส่งเครื่องดื่มเข้าไปขายเพื่อสร้างรายได้ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ TACC มีโอกาสเติบโตตามการขยายสาขาของ 7-Eleven ในต่างประเทศด้วยเช่นกัน ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2566 7-Eleven ได้เปิดสาขาแรกใน สปป.ลาว ซึ่งบริษัทฯได้ส่งเครื่องดื่มทั้ง Jet spray และ All Café เข้าไปด้วย และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าหลัง 2 ปีก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จในการขยายสาขาและเติบโตในกัมพูชา
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะดีต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 สอดรับกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่คึกคักมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันธุรกิจคาแรคเตอร์ ได้จัดทำโครงการ “Thai Character Pop up in Tokyo” เพื่อนำสินค้า “หมาจ๋า” ไปจำหน่ายในร้าน Roppongi Hills Uchimori Art Museum เมื่อเร็วๆนี้ โดยมั่นใจว่าจะได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการโดยรวมในงวดครึ่งปีหลัง 2566 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก ที่มีรายได้รวม 826.54 ล้านบาท โดย TACC ยังคงดำเนินกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์เดิม และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
“ในครึ่งปีหลัง TACC มีการขยายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม Health and Wellness เต็มรูปแบบ โดยกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) ได้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu และออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Café ทั้งในประเทศไทย และ 7-Eleven ต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven) พร้อมเดินหน้าขยาย Brand TRIVA (ทรีว่า) ไซรัปผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความแตกต่างให้กับผู้ประกอบการร้านค้า คาเฟ่ (Total solution service offering) เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่างๆ และคาดว่ารายได้รวมปี 2566 จะโต 10% ตามเป้าหมาย” นายชัชชวี กล่าวในที่สุด