“FSS”แนะเก็บหุ้นบริเวณ 1,460+- จุด คาดปีนี้ “ADVANC”กำไรโต 10%

HoonSmart.com>>ฟินันเซีย ไซรัส (FSS)แนะสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,460+- จุด แนะนำ “ซื้อ” ADVANC ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 250.97 บาท ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงหมาแมวเดือนส.ค.ดีขึ้นส่งผลบวกต่อ ITC และ AAI

บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) คาด SET Index วันนี้แกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,480-1,500 จุด ยังคงถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ ทั้งความกังวลทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่อาจยังปรับขึ้นต่อเนื่องและทรงตัวในระดับสูงยาวนานซึ่งจะกดดันให้เศรษฐกิจชะลอลงในระยะถัดไป ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและกดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ยังเผชิญแรงขายจากการถูก De-rate valuation ลงเพราะ Yield Gap ที่แคบ

ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งคาดคณะกรรมการจะเสียงแตก คาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 2.25% จากเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายและศักยภาพ แต่คาดกนง.จะเปิดช่องในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตหากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อปรับขึ้นในระยะถัดไป โดยประเมินกลุ่มที่คาดว่าจะยังแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดในระยะนี้ยังคงเป็นพลังงานต้น-กลางน้ำ การแพทย์ สื่อสารฯ ธนาคาร จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ปี 2566 ที่แข็งแรง

ขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่มีโอกาสฟื้นตัวได้ระยะถัดไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาในไตรมาส 4 ปี 2566 -2567 ทั้งการช่วยเหลือค่าครองชีพ พักหนี้เกษตรกรการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไรไตรมาส 3 ปี 2566 แข็งแกร่ง//ถือลงทุนต่อเนื่องหลังและพิจารณาสะสมเพิ่มหากดัชนีปรับลงหา Low เดิม
1,460+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : AOT, CPALL, CPN, NSL, TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : ADVANC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 250.97 บาท ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3 ปี 2566 จะยังทยอยเติบโตได้แข็งแกร่งต่อเนื่องทั้ง q-q และ y-y หนุนจากการแข่งขันในภาพรวมที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ ARPU
คาดยังทยอยขยับขึ้นและเป็นเอื้อต่อการทำไรมากขึ้น Consensus คาดกำไรปี 2566 ที่ 2.8 หมื่นลบ. +10% y-y และโตต่อเนื่องแตะ 3.1
หมื่นลบ. +9% y-y มองว่าราคาจะเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดจากธุรกิจที่ผันผวนต่ำและกระทบจำกัดจากความกังวลดอกเบี้ยสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แนวรับ 220-218//212 บาท แนวต้าน 228-230//240 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องและเร่งตัวขึ้นเป็น 1,213 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำโดยไต้หวัน 812 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนอาเซียนไหลออกเกือบทุกประเทศสูงสุดที่ฟิลิปปินส์ 266 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ไหลเข้าเวียดนามบางๆ 27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ FED อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและคงในระดับสูงยาวนาน

ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ส่งออกไทยเดือน ส.ค. ดีกว่าคาด +2.6% y-y (เดือน ก.ค. -6.2% y-y) ส่วนการนำเข้าลดลงมากกว่าคาด -12.8% y-y (เดือน ก.ค. -11.1% y-y) ทำให้พลิกมาเกินดุลการค้า 0.36 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากที่ขาดดุลหนัก 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในเดือนก.ค. โดยรวมเป็นบวกต่อเศรษฐไทยและคาดช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

ส่วนส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร -1.5% y-y สำหรับสินค้าที่ขยายตัวดี นำโดยผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง ข้าว และสิ่งปรุงรส สินค้าที่หดตัวเยอะยังเป็น ยางพารา (เป็นลบต่อ STA NER) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (เป็นลบต่อ TWPC PQS) อาหารทะเลกระป๋องแปรรูปน้ำตาลทราย และไก่แปรรูป (เป็นลบต่อ GFPT) ส่วนอาหารสัตว์เลี้ยง -10.6% y-y ถ้าดูเฉพาะอาหารหมาแมว -13.6% y-y แต่ปรับขึ้น +4.2% m-m แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน (เป็นบวกต่อ ITC AAI)

(+) TTB คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ 4.7 พันลบ. +3% q-q, +26% y-y เป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่ควบรวมกับธนาคารธนชาติ หนุนจากการเติบโตของ Non-NII ซึ่งบางส่วนเป็นผลจากการบันทึกกำไรจากการซื้อคืนตราสารทุนเพิ่มเติมและคาดรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มเล็กน้อยโดยได้ปัจจัยหนุนจาก NIM ที่เพิ่มเล็กน้อยเป็น 3.19% ในไตรมาส 3 ปี 2566 ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ไม่น่ากังวลทั้งในด้าน NPLs และ Credit cost คาดกำไรสุทธิปี 2566-2567 โตเฉลี่ยต่อปี 8-9% จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 1.83 บาท แนะนำ “ซื้ออ่อนตัว”

(+) SISB ผู้บริหารเพิ่มเป้าจำนวนนักเรียนในปี 2566-2568 ขึ้นปีละ 8-10% จากความนิยมโรงเรียนนานาชาติที่สูง สำหรับจำนวนนักเรียนใน 2 โรงเรียนใหม่ (นนทบุรีและระยอง) ที่เพิ่งเปิดเทอม 15 ส.ค. ที่ผ่านมาอยู่ที่ 360 คน ทำให้คาดรายได้ไตรมาส 3 ปี 2566 น่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่เข้ามาก่อน เช่นจำนวนครูและบุคลากร

ค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น และอาจมีรายจ่าย one time ราว 40 ลบ. ทำให้เราคาดกำไรสุทธิ 108 ลบ. -30% q-q, +9% y-y ปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-25 ลง 17%/9%/13% ตามลำดับจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงกว่าคาด แต่ยังเป็นการเติบโตที่สูง ปรับราคาเป้าหมายปีหน้าเป็น 42 บาท ยังชอบและแนะนำ “ซื้อ”