HoonSmart.com>> ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดกลยุทธ์ลงทุนรับเลือกตั้งสหรัฐฯ จัดพอร์ตอย่างระมัดระวัง หลังทรัมป์มีโอกาสชนะสูง คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐฯ มีโอกาสเพิ่มขึ้น แนะซื้อบอนด์สั้นสหรัฐฯ ทอง หุ้นสหรัฐฯ อินเดีย และญี่ปุ่น
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง ล่าสุดผลสำรวจเป็นรายรัฐพบว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ มีคะแนนนำนางกมลา แฮร์ริสในเกือบทุกรัฐสำคัญ (swing states) ที่จะชี้ขาดผลการเลือกตั้ง ในขณะที่อัตราต่อรองในตลาดพนันชี้ว่า ทรัมป์มีโอกาสชนะเลือกตั้งที่ความน่าจะเป็นราว 60% ซึ่งหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งและดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐฯ (บอนด์ยิล) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่รวมถึงประเทศไทยด้วย
สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในช่วงการเลือกตั้งนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้แนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตอย่างระมัดระวัง โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้น และทองคำ
ส่วนในพอร์ตหุ้นเน้นลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะได้ผลบวกจากนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล ในขณะที่หุ้นในตลาดเกิดใหม่ให้เน้นลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียและญี่ปุ่นที่ตลาดเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างมากกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคและไม่ถูกกดันจากประเด็นดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า
“หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ พุ่งขึ้น และดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า เนื่องจากนโยบายหาเสียงหลักของทรัมป์ เช่น การขึ้นกำแพงภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนและประเทศอื่นๆ รวมถึงการพยามเนรเทศแรงงานผิดกฎหมายจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed โดย TISCO ESU ประเมินว่าการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก 10% และสินค้าจากจีน 60% ตามที่ทรัมป์หาเสียงจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ เพิ่มขึ้นราว 1% ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ค้างอยู่ที่ราว 3% Fed อาจลดดอกเบี้ยลงไปได้อย่างต่ำสุดที่ 4% สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าดอกเบี้ยจะลดลงไปถึงระดับ 3.5% ในขณะที่นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาจะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น และต้องกู้เงินผ่านการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บอนด์ยิลด์พุ่งขึ้นเพื่อดึงดูดให้นักลงทุนซื้อพันธบัตรในปริมาณที่เพิ่มขึ้น โดยTISCO ESU ประเมินว่าบอนด์ยิลด์อาจขึ้นไปยืนเหนือ 4.5% หากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง” นายคมศรกล่าว
———————————————————————————————————————————————————–