SCBAM มองหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวสัปดาห์นี้ ภาพระยะกลาง-ยาวได้แรงหนุนศก.โต

SCBAM MARKET INSIGHT
ประจำวันที่ 25-29 ก.ย.66
Highlight ประจำสัปดาห์

๐ ดัชนีตลาดหุ้นโลก (MSCI ACWI) ย่อตัวลงอีกครั้ง จากผลการประชุม Fed ที่ค่อนข้าง Hawkish กล่าวคือ แม้ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้แต่มีการปรับคาดการณ์ดอกเบี้ย (Dot Plot) สําหรับปีหน้า เพิ่มขึ้นจากการประชุมเดือน มิ.ย. ส่งสัญญาณดอกเบี้ยระดับสูงค้างนาน (Higher for Longer) เป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้โดย US Treasury Yield อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแรงแตะระดับ 4.5% สูงสุดในรอบปี ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าขึ้นกดดันกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้Œนในฝั่งเอเชียและตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่มีสัดส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีค่อนข้างมาก เช่น ไต้หวัน, เกาหลีใต้ รวมทั้งตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาดีในช่วงก่อนหน้านี้ก็มีแรงขายทํากําไรออกมา เช่น ญี่ปุน, อินเดีย และเวียดนาม

๐ ความเสี่ยงของการปิดหน่วยงานราชการสหรัฐฯ (Government Shutdown) มีโอกาสสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้หากการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 30 ก.ย. อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นคุณภาพสูง เมื่อราคาปรับย่อตัวลงมา โดยคาดหวังการฟื้นตัวขึ้นในกรอบระยะ 3 เดือนข้างหน้า ตามสถิติในเชิงฤดูกาลที่ตลาดหุ้นมักจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงไตรมาส 4 ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังเติบโตแข็งแกร่งในปีนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่ง EM มีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้น ตามเศรษฐกิจจีนที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว

หุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
สหรัฐอเมริกา : มุมมองเป็นกลาง แนะนําคงนํ้าหนัก
การประชุม Fed มีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ตามคาด โดย Dot Plot สะท้Œอนโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ ส่วนคาดการณ์ดอกเบี้ยปีหน้า ปรับเพิ่มจากรายงานเดือน มิ.ย. 50bps เป็น 5.125% ซึ่ง Hawkish กว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับความเสี่ยงของการเกิด Government Shutdown น่าจะทําให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มผันผวนในสัปดาหนี้

ยุโรป : มุมมองค่อนข้างเป็นบวก แนะทยอยสะสม
ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25% สวนทางตลาดที่คาดว่าจะปรับขึ้นอีก 25bps สะท้อนวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุด ตามรายงานเงินเฟ้อล่าสุดของอังกฤษที่ชะลอตัวลงตํ่ากว่าคาด ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อนโยบายการเงินของยุโรปอาจกลับมาผ่อนคลายเร็วกว่าตลาดคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นยุโรปในระยะถัดไป

ญี่ปุ่น : มุมมองค่อนข้างเป็น แนะทยอยลดนํ้าหนัก
BOJ มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีกลับปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีจากความกังวลว่า BOJ อาจจะต้องกลับมาดําเนินนโยบายการเงินตึงตัวขึ้นในระยะถัดไปหลังจากเงินเฟ้อเดือน ส.ค. ยังคงอยู่ในระดับสูงรวมทั้งเงินเยนที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะมีแรงเทขายทํากําไรออกมาในระยะสั้น

หุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

ไทย : มุมมองค่อนข้างเป็นบวก แนะทยอยสะสม
SETIndex ปรับตัวลดลงจากแรงขายหุ้นบางกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากมาตรการลดค่าครองชีพ ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 10 เดือน ส่งผลให้ต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย แต่ SET Index ไม่หลุดแนวรับ 1,500 จุด เรามองว่า มีโอกาสฟื้นตัวในสัปดาห์นี้ภาพระยะกลาง-ยาว มีแรงหนุนจากทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะโตดีขึ้นในปีหน้า

จีน : มุมมองค่อนข้างเป็นบวก แนะทยอยสะสม
ตลาดหุ้นจีนปิดทรงตัวโดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานดัชนีเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้น หลังจากทางการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปในช่วงก่อนหน้า รวมทั้งตลาดคาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ 5.0% จึงมองว่าตลาดหุ้นจีนมีโอกาสฟื้นตัวไดในระยะสั้น

อินเดีย : มุมมองเป็นกลาง แนะนําคงนํ้าหนัก
ตลาดหุŒนอินเดียปรับตัวลง กดดันจากราคานํ้ามันและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น สร้างความกังวลเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัว รวมทั้งต่างชาติเริ่มขายสุทธิในตลาดหุ้นอินเดียเป็นเดือนแรก หลังจากซื้อสุทธิมาตลอด 6 เดือน ทําให้ระยะสั้นตลาดหุ้นมีโอกาสผันผวนสูงขึ้น ทั้งนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว แนะนํารอทยอยสะสมเมื่อราคาย่อลงมา

เกาหลีใต้ : มุมมองค่อนข้างเป็šนบวก แนะนําทยอยสะสม
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลดลง ตาม Sentiment หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกขายทํากําไร หลังการประชุม Fed ส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยจะอยู่ระดับสูงต่‹อไป แต่ดัชนี KOSPI ย่อตัวลงมาใกล้แนวรับบริเวณ 2,500 จุด มองว่ามีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ หนุนจากเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัวและความคาดหวังว่าวัฏจักรของกลุ่ม Semiconductor ใกล้ถึงจุดตํ่าสุด

เวียดนาม : มุมมองเป็นกลาง แนะนําคงนํ้าหนัก
ดัชนี VN Index ของเวียดนาม ปรับตัวลงเมื่อสัปดาห์ก่อน ตามทิศทางตลาดหุ้นโลก และ ค่าเงินดอง (VND) มีทิศทางอ‹อนค่าเมื่อเทียบกับ USD ทําให้ธนาคารกลาง (SBV) ออกตั๋วเงินคลังมูลค่า VND10 ล้านล้าน เพื่อดูดซับสภาพคล่องและลดความผันผวนของค‹าเงิน ทั้งนี้ระยะยาวเรายังมีมุมมองเชิงบวกต‹อตลาดหุ้นเวียดนาม ด้วย Valuation ที่ไม่แพง

ตราสารหนี้
ในประเทศ : มุมมองเป็นกลาง แนะนําคงนํ้าหนัก
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 3.2% สูงสุดในรอบปีปรับขึ้นตามทิศทาง Bond Yield สหรัฐฯ รวมถึง ความกังวลต่อแนวโน้้มของการออกพันธบัตรมากขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายการคลังในระยะถัดไปติดตามการประชุม กนง. (27 ก.ย.) โดย Bloomberg Consensus คาด กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bps เป็น 2.50%

ต่างประเทศ : มุมมองค่อนข้างเป็นบวก แนะนำทยอยสะสม
การประชุม Fed มีมติคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้แต่ส่งสัญญาณมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปี‚นี้และคงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป ส่งผลให้ US Bond Yield ปรับตัวขึ้นทั้งอายุ 2 ปี‚และ 10 ปี มาอยู่ที่ระดับ 5.11% และ 4.43% ตามลําดับ ทั้งนี้เรามองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุดแล้วและระดับดอกเบี้ยปัจจุบันน่าสนใจลงทุนในระยะกลาง-ยาว

สินทรัพย์ทางเลือก
ทองคำ : มมองค่อนข้างเป็นบวก แนะทยอยสะสม
ราคาทองคําปิดทรงตัวแม้จะถูกกดดันจาก Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้น และ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น หลังผลการประชุม Fed ออกมา Hawkish มากกว่าตลาดคาด เรามองว่า Downside ของราคาทองคําเริ่มจํากัด และราคามีโอกาสปรับขึ้นทางเทคนิค หลังจากไม่่หลุดแนวรับบริเวณ US$1,910/Oz เป็นโอกาสสําหรับ Trading ตามสัญญาณทางเทคนิค

น้ำมัน : มุมมองเป็นกลาง แนะนําคงนํ้าหนัก
ราคานํ้ามันดิบ WTI ย่อตัวลงเล็กน้อย จากความกังวลดอกเบี้ยอยู่ระดับสูงต่อเนื่องกระทบต่ออุปสงค์นํ้ามัน ทั้งนี้เรามองว่า ราคานํ้ามันจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง จาก Supply ที่ลดลง โดยล่าสุดรัสเซียประกาศระงับส่งออกนํ้ามันเบนซินและดีเซลชั่วคราว แต่่ควรเพิ่มความระมัดระวัง หากราคานํ้ามัน WTI เข้าใกล้ระดับ US$100/bbl อาจเผชิญแรงขายทํากําไรมากขึ้น

อสังหาฯและโครงสร้างพื้นฐาน : มุมมองเป็นกลาง แนะนําคงนํ้าหนัก
REITs ยังคงถูกกดดันจาก Bond Yield ที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังการประชุม Fed ส่งผลให้การฟื้นตัวยังค่อนข้างจํากัด ทั้งนี้มองว่า กลุ่ม REITs มีโอกาสฟื้นตัวได้บ้างในระยะสั้น หลังจากปรับตัวลงมาต่อเนื่อง เรายังแนะนําให้ติดตามทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นหลัก เมื่อใดที่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุด กลุ่ม REITs น่าจะฟื้นตัวได้ชัดเจนหลังจากนั้น