หุ้นกลุ่มแบงก์อ่อนยวบ เจอแรงขายหลัง Outperform ตลาด

HoonSmart.com>>หุ้นกลุ่มธนาคารอ่อนตัวลง นำดิ่งโดย BAY-KBANK-TCAP รับแรงขายหลัง Outperform ตลาด ลูกหนี้ขอปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือ หวั่นรายได้หด  จับตาทิศทางดอกเบี้ย หากหยุดการขึ้นดอกเบี้ย Upside กลุ่มหมดไป  กำไรของไตรมาส 3/66 ยังเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น-คาดตั้งสำรองฯลดลง เชียร์ BBL, KTB

เมื่อเวลา 15.25 น.ดัชนีกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 393.65 จุด ลดลง 3.65 จุด หรือ -0.92% นำดิ่งโดยหุ้น BAY ลบ 2.36% มาที่ 31.00 บาท ลดลง 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 7.04 ล้านบาท ห้น KBANK ลบ 1.55% มาที่ 127.00 บาท ลดลง 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,463.36 ล้านบาท หุ้น TCAP ลบ 1.02% มาที่ 48.75 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 54.43 ล้านบาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารวันนี้อ่อนตัวลง คาดว่าจะเป็นแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง หลังจากที่ Outperform ตลาด โดยดัชนีกลุ่มธนาคารสิ้นปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 388 จุด มาจนถึงตอนนี้อยู่ที่ 394 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยติดลบ 7-8%

นอกจากนี้ จะต้องจับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้หยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือยัง ถ้าหยุดก็จะทำให้กลุ่มธนาคารไม่มี upside และต้องดู NPL จะสูงขึ้นไหม อย่างไรก็ดี คาดว่าผลดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ของกลุ่มธนาคารจะยังปรับตัวขึ้นได้ทั้ง YoY และ QoQ ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น และการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน

พร้อมแนะนำ”ซื้อ”หุ้น BBL ราคาเป้าหมาย 197 บาท และหุ้น KTB ราคาเป้าหมาย 23.1 บาท

นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธนาคารหลายแห่งจะมีลูกหนี้มาขอปรับโครงสร้างหนี้อยู่เรื่อย ๆ และมาตรการช่วยเหลือสิ้นสุดลง  จะทำให้ลูกหนี้มาขอปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ อาจทำให้ลูกหนี้มีดอกเบี้ยจ่ายน้อยลง ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป แต่ก็จะทำให้รายได้ของธนาคารลดลง

อย่างไรก็ดี ผลดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ของกลุ่มธนาคารคาดว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 2/66 ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น แม้ว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมของกนง.รอบนี้ มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ แต่ก็น่าจะเห็นส่วนต่างดอกเบี้ยปรับขึ้นได้อยู่ ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยของธนาคารปรับขึ้นได้ และการตั้งสำรองฯก็ไม่น่าจะมากไปกว่าไตรมาส 2  ส่วนตัวเลข NPL คาดว่าจะยังปรับตัวขึ้นอยู่

พร้อมแนะนำ”ซื้อ”หุ้น BBLจัดให้เป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 191 บาท เนื่องจากโครงสร้างรายได้จะได้ประโยชน์มากสุดจากดอกเบี้ยขาขึ้น และมีลูกค้ารายใหญ่ ทำให้มีความเสี่ยงน้อยกว่าลูกค้ากลุ่มอื่น