“ทอง” พุ่ง All Time High แจกกำไร 31% แชมป์ลงทุนปี 67

HoonSmart.com>> “ทอง” พุ่งไม่หยุดทำ All Time High แตะ 2,733 ดอลลาร์ รับดอกเบี้ยขาลง-แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ผสมแรงหนุนเช้านี้ “ธนาคารกลางจีน” ลดดอกเบี้ย LPR ดันผลตอบแทน “ทองคำ” ปีนี้ทะลุ 30% สร้างผลตอบแทนสูงสุดชนะทุกสินทรัพย์ ด้านราคาทองคำในประเทศ  วันนี้มีการปลี่ยนแปลงราคา  13 ครั้ง ปรับขึ้น 700  บาท ดันทองรูปพรรณขายออก 43,750 บาท ด้าน YLG เตือนระวังแรงขายทำกำไร เน้นเก็งกำไรระยะสั้น ฟาก “บลจ.ยูโอบี” แนะมีไว้ติดพอร์ตไม่เกิน 5%

 

ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศวันนี้ (21 ต.ค.267) ยังคงปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำ ประกาศครั้งที่ 12 ณ เวลา 15.09 น. ราคาทองพุ่งขึ้น 650 บาท โดยราคาทองแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 43,100 ขายออกบาทละ 43,200 ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 42,326.72 ขายออกบาททองคำละ 43,700.00   และมีการปรับครั้งที่ 13 ทองรูปพรรณขายออก 43,750  บาท

ด้านบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เผยบทวิเคราะห์ภาคบ่าย 21 ต.ค.67 ระบุว่า ราคาทองคำปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องและทรงตัวรักษาระดับไว้ จนเช้านี้ดีดทำ All Time High อีกครั้งที่ระดับ 2,733 ดอลลาร์ ท่ามกลางวงจรดอกเบี้ยขาลงเฟดและแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ประกอบกับ เช้านี้ได้แรงหนุนเพิ่มเติมจาก ธนาคารกลางจีน(PBOC) ผ่อนคลายด้านนโยบายเพิ่มเติม โดยการลดดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีและ 5 ปีลง 0.25% อย่างไรก็ตาม ทองคำที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนราคาเข้าสู่ภาวะ Overbought ใน RSI จึงอาจระมัดระวังแรงขายทำกำไร และเน้นเก็งกำไรในระยะสั้น

“กลยุทธ์แนะนำพิจารณาเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 2,712-2,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 2,735-2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตัดขาดทุนสถานซื้อ หากราคาหลุดแนวรับ 2,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์”

นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร รองกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) หรือ UOBAM กล่าวว่า ทองคำสร้างผลตอบแทนค่อนข้างดีเมื่อเทียบสินทรัพย์อื่นๆ จากแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงและปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์สนับสนุน โดยยังมองแนวโน้มระยะยาวเป็นบวก จากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งหากธนาคารกลางทั่วโลกกระจายการลงทุนมายังทองคำมากขึ้น จากเดิมที่เน้นถือเงินสกุลดอลลาร์ หรือช่วงที่ดอกเบี้ยลงส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าเงินก็จะไหลเข้ามาที่ทองคำ

“คำแนะนำลงทุนทองคำ มองค่อยๆสะสม และแนะนำมีติดไว้ในพอร์ตไม่เกิน 10% ของพอร์ตโดยรวม เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงบาลานซ์พอร์ต” นางสาววรรณจันทร์ กล่าว

 

 

“HoonSmart” สำรวจผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2567 ข้อมูล ณ วันที่ 21 ต.ค. พบการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก “ทองคำ” (Comex) สร้างผลตอบแทนสูงสุด 30.98% รองลงมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี NASDAQ ผลตอบแทน 23.17% อันดับสามดัชนี S&P500 ผลตอบแทน 22.95% อันดับสี่ ดัชนี HANG SENG ตลาดหุ้นฮ่องกง (H-Share) ผลตอบแทน 22.03% อันดับห้า ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ผลตอบแทน 16.23%

อันดับหก ดัชนี DOW JONES ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผลตอบแทน 14.82% อันดับเจ็ด ดัชนี VN INDEX ตลาดหุ้นเวียดนาม ผลตอบแทน 13.76% อันดับแปด ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นเวียดนาม ผลตอบแทน 12.44% อันดับเก้า ดัชนี SHANGHAI COMP ตลาดหุ้นจีน A-Share ผลตอบแทน 9.63% อันดับสิบ ดัชนี STOXX 600 ตลาดหุ้นยุโรป ผลตอบแทน 9.60%

หากเจาะในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือกนอกจากทองคำสร้างผลตอบแทนสุงสุด 30.98% แล้ว การลงทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ลงทุนทั่วโลก (Global REIT) ผลตอบแทน 8.11% ขณะที่ Thai REIT ผลตอบแทน 3.57% และ Asia-ex-Jap REIT ผลตอบแทน 2.97% โดยมี Singapore REIT ที่ผลตอบแทนติดลบ 2.94% และผลตอบแทนจากการลงทุนน้ำมัน (Crude Oil : WTI) ติดลบ 3.39%

ด้านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุน “ทองคำ” ที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดในปี 2567 ได้แก่ กองทุนกองทุนเปิดเคเคพี โกลด์ ชนิด F (KKP GOLD-F) และกองทุนเปิดเคเคพี โกลด์ (KKP GOLD) อยู่ที่ 26.66% ข้อมูล ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 จากบริษท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) , กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBGOLDHE อยู่ที่ 26.05% (ณ วันที่ 18 ต.ค.2567) , กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBGOLDH(SSFE) อยู่ที่ 26.04% (ณ วันที่ 18 ต.ค.2567) , กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBGOLDE อยู่ที่ 25.87% (ณ วันที่ 18 ต.ค.2567) เป็นต้น