ดาวโจนส์ปิดบวก 87 จุด แรงซื้อเทคโนโลยี รอตัวเลขเงินเฟ้อ

HoonSmart.com>> 3 ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้น ดาวโจนส์บวก 0.25% มีแรงช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยี นักลงทุนรอตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. คาดดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณเริ่มมีเสถียรภาพ  คาดเฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้  เศรษฐกิจสหรัฐไม่ถดถอย  ด้านตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันดิบลดลงเล็กน้อย 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 11 ก.ย. 2566 ที่ 34,663.72 จุด เพิ่มขึ้น 87.13 จุด หรือ 0.25% ด้วยแรงช้อนซื้อกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่ร่วงลงก่อนหน้านี้ รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ที่นำโดยเทสลา ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI) เดือนส.ค.เพื่อประเมินการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,487.46 จุด เพิ่มขึ้น 29.97 จุด, +0.67%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,917.89 จุด เพิ่มขึ้น 156.37 จุด, +1.14%

Tesla หุ้นเทสลาพุ่ง 10% หลังมอร์แกน สแตนเล่ย์ปรับเพิ่มคำแนะนำและคาดว่าราคาจะวิ่งขึ้นอีกจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติ

หุ้นควอลคอมบวกเกือบ 4% หลังประกาศว่า จะจัดหาชิประบบ 5G สำหรับสมาร์ทโฟนให้กับบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ จนถึงปี 2569

หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม เพิ่มขึ้น 2.1% จากรายงานว่า บริษัทกำลังพัฒนา AI รุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูง

ความเชื่อมั่นของตลาดดีขึ้นเมื่อวานนี้จากรายงานของ The Wall Street Journal เมื่อวันอาทิตย์ที่ระบุว่า มีฉันทามติในเจ้าหน้าที่เฟดที่จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า รายงานยังระบุถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายซึ่งสมาชิกเห็นว่ามีความเร่งด่วนน้อยลงในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปลายปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อดีขึ้น

ร็อบ เฮเวิร์ธ์ จาก U.S. Bank กล่าวว่า รายงานช่วยให้ตลาดคิดว่าเฟดน่าจะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้วและอาจกำลังเปลี่ยนไปสู่กลยุทธ์ใหม่ และทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าจุดที่ยากลำบากที่สุดสำหรับผลการดำเนินงานองค์กรได้ผ่านพ้นไปแล้ว

นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการให้ความเห็นของนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ข้อมูลเศรษฐกิจจีน ทำให้ไม่ความคาดหวังมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจของสองประเทศยักษ์ใหม่

นางเยลเลนกล่าวว่า มั่นใจว่าสหรัฐฯ จะไม่เจอภาวะเศรษฐกิจถดถอย และยังควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ โดยไม่ทำให้ตลาดแรงงานเสียหายมาก

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อล่าสุดของจีนและข้อมูลอื่นๆ ทำให้เกิดความหวังว่าเศรษฐกิจของมหาอำนาจในเอเชียจะฟื้นตัวได้ในที่สุด หลังจากที่ประสบปัญหาในการฟื้นตัว
นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคในวันพุธนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิตในวันพฤหัสบดี รวมถึงตัวเลขยอดค้าปลีกที่จะในปลายสัปดาห์นี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายปี

เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์ให้น้ำหนัก 93% ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับปัจจุบันในการประชุมเดือนกันยายน และมีโอกาสราว 61% ที่จะมีการระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวในการประชุมเดือนพฤศจิกายน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีซึ่งบ่งชี้การคาดการณ์ดอกเบี้ยระยะสั้นได้ดีปรับขึ้นมาที่ 4.9906%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกแตะระดับสูงสุดรอบสัปดาห์ ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าเศรษฐจีนเริ่มมีสัญญาณที่ดีด้านเสถียรภาพ ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป

กลุ่มเหมืองแร่บวก 2.4% จากราคาโลหะที่เพิ่มขึ้นด้วยแนวโน้มที่ดีขึ้นของอุปสงค์จากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่

ข้อมูลเงินเฟ้อที่ดีขึ้นและมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมของจีน เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ

นักลงทุนรอการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯในวันพุธนี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลก ขณะที่ตลาดเงินให้น้ำหนัก 60% ที่ ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.75% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 456.21 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด, +0.34%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,496.87 จุด เพิ่มขึ้น 18.68 จุด, +0.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,278.27 จุด เพิ่มขึ้น 37.50 จุด, +0.52%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,800.99 จุด เพิ่มขึ้น 60.69 จุด, +0.39%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 87.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 90.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล