GULF+INTUCH ฉลุย มาร์เก็ตแคป1 ล้านลบ. ผงาดผู้นำธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร

HoonSmart.com>>ผู้ถือหุ้นไฟเขียว “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี”(GULF) รวม “อินทัช โฮลดิ้ง”(INTUCH) ก้าวขึ้นผู้นำบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน ด้านพลังงานสะอาด-เทเลคอม-ดาต้าเซ็นเตอร์-คลาวด์-ท่าเรือ-มอเตอร์เวย์ ในไทย  วางตำแหน่งเป็นหุ้นเติบโตสูงที่ยังมีปันผล มาร์เก็ตแคปใหญ่เฉียด 1 ล้านล้านบาท เตะตานักลงทุนสถาบัน อนาคตหวังรายได้พลังงาน 50% ธุรกิจโทรคมนาคมและอื่นๆ 50%

วันที่ 3  ต.ค. 2567  บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) มีการประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติการควบรวมกิจการของ GULF กับ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) พร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่ ( NewCo) ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 99.9931% และอนุมัติให้ GULF ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และบริษัท ไทยคม (THCOM) โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer หรือ VTO) ด้วยคะแนนเสียง 99.9931%

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF คาดว่าการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.2568 หลังจากนั้นจะมีการหยุดเทรด 9 วันก่อนจะเปิดเทรดในนามบริษัทใหม่(NewCo) ซึ่งยังไม่ได้ตั้งชื่อ อาจจะใช้ชื่อ กัลฟ์ หรือ GULF แต่ตัดเอ็นเนอร์จี ออกก็เป็นได้ และหลังการควบรวม GULF จะเป็นผู้นำบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน ด้านพลังงานสะอาด เทเลคอม ดาต้า เซ็นเตอร์ คลาวด์ ท่าเรือ และมอเตอร์เวย์ ในไทย

” บริษัทใหม่ วางตำแหน่งเป็นหุ้นเติบโต แต่ถ้ามีกำไรก็พร้อมจะจ่ายเงินปันผลออกมาให้กับผู้ถือหุ้นเหมือนที่ผ่านมาก โดยธุรกิจโทรศัพท์มือถือภายใต้เอไอเอสรายได้ดีมีเสถียรภาพ ทั้งด้านการบริหารจัดการ และธุรกิจโทรคมนาคมมีผู้เล่นอยู่เพียง 2 รายเท่านั้น ที่ผ่านมากำไร เกือบ 3 หมื่นล้านทุกปี และซัพพอร์ตกัลฟ์ได้ค่อนข้างดี ส่วนธุรกิจไฟฟ้ามีการเติบโตด้วยตัวเองอยู่แล้ว การควบรวมทำให้มาร์เก็ตแค็ปฯมีขนาดใหญ่ขึ้น มีสภาพคล่องสูงขึ้น  ได้รับการจัดน้ำหนักการลงทุนในดัชนีต่างๆ มากขึ้น  มีกองทุนต่างๆ เข้ามาถือหุ้นมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น”นายสารัชถ์ กล่าว

สำหรับ มาร์เก็ตแคปของ GULF วันนี้ (3 ต.ค.67) อยู่ที่ 677,589.41 ล้านบาท และ INTUCH อยู่ที่ 306,238.67 ล้านบาท รวมมูลค่า 983,828 ล้านบาท

นายสารัชถ์ กล่าวว่า จะใช้เงินในการควบรวมและเสนอซื้อหุ้นครั้งนี้ 89,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารเสนอสินเชื่อให้กับบริษัททำ VTO แล้วเป็นเงิน 2-3 แสนล้านบาทสูงกว่าที่ต้องใช้หลายเท่า สะท้อนว่าบริษัทมีความน่าเชื่อถือและมีศักยภาพในการกู้เงินได้สูง

กรณี ที่ผู้ถือหุ้นของ INTUCH ออกเสียงคัดค้านการควบรวม INTUCH กับ GULF ทาง GULFจะทำคำเสนอซื้อหุ้น ณ ราคาปิดของบริษัทฯที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 2 ต.ค.2567 คือที่ราคา 91 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีจำนวน 33,794,783 หุ้น โดยที่ผู้ขายหุ้นจะต้องเสียภาษีในอัตรา 35% เพราะถือว่าไม่ได้ซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกๆ ของการดำเนินงานของบริษัทใหม่ รายได้จากธุรกิจพลังงานจะยังสูงอยู่ที่ 80% และรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ 20% แต่ในระยะยาวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันโดยอยากเห็นแถวๆ 50 ต่อ 50 โดยหลักๆ จะมาจากเอไอเอส ที่ปัจจุบันมีกำไรถึงปีละ 30,000 ล้านบาท และขณะนี้ทางเอไอเอส จับมือกับธนาคารกรุงไทย และกลุ่มปตท.ในการเข้าไปลงทุนทำ Virtual Bank ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งมาก ทั้งด้านการเงิน ข้อมูล และเครือข่าย

สำหรับ ดาต้า เซ็นเตอร์ เริ่มก่อสร้างในส่วนของกำลังการให้บริการ 50 เมกะวัตต์ และในอนาคตมีแผนที่จะขยายเพิ่มเป็น 100 เมกะวัตต์ เพราะมี CONNECTIVITY หรือการเชื่อมต่อกับ 5G บรอดแบนด์ จากเอไอเอส จึงมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานมากที่สุดในการทำดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งผลตอบแทนถือว่าใช้ได้ เพราะการเก็บข้อมูลไว้ในไทยจะมีความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งลูกค้าจะเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่

ด้านความร่วมมือกับกูเกิล เพื่อทำธุรกิจคลาวด์นั้นเริ่มเดินหน้าแล้ว ด้วยการสร้างบุคลากรทั้งด้านไพรเวท คลาวด์ และ พับบลิค คลาวด์ และ ซีเคียวริตี้ คลาวด์ เพื่อพัฒนาให้ทันและก้าวนำประเทศอื่นๆ มิฉะนั้นจะทำให้ไทยช้ากว่าประเทศอื่นๆ โดยจะเริ่มเห็นการลงทุนในคลาวด์ต้นปี 2568 ส่วนการที่ กูเกิล จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เป็นการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเอง เพื่อเก็บข้อมูลของผู้ใช้ข้อมูลยูทูป เป็นหลัก ส่วนที่ร่วมทุนกับกัลฟ์ จะใช้เก็บข้อมูลทั่วๆไป

ด้านโครงการการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA) รอบ 2 บริษัทคาดว่าจะได้ประมาณ 20% ของการประกาศซื้อ

น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าวว่า หลังจากการควบรวมและตั้งบริษัทใหม่(NewCo) รายได้หลัก 80% จะยังมาจากธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานสะอาด และรายได้จากธุรกิจดิจิทัลและอื่นๆ รวมกันประมาณ 20% ซึ่งจะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากการที่ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์ ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของทั้ง เอไอเอส และไทยคม

วันนี้ ( 3 ต.ค.2567 ) นักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้น GULF ราคาปิดที่ 57.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 2.21% มูลค่าการซื้อขาย 1,869.20 ล้านบาท ด้านหุ้น INTUCH ปิด 95.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 4.95% มูลค่าการซื้อขาย 2,916.61 ล้านบาท