MFC ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย การเมืองชัด ดึงเงินเข้าซื้อหุ้น

HoonSmart.com>> “บลจ.เอ็มเอฟซี” (MFC) ปรับมุมมองตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นจาก “Neutral” เป็น “Slightly Overweight” หลังการจัดตั้งรัฐบาลชัดเจนมากขึ้น ดึงแรงซื้อกลับเข้าซื้อหุ้น ด้านราคาหุ้นอยู่ระดับน่าสนใจ ค่าพี/อี 15.85 เท่า แนะ 5 กองทุน “M-MIDSMALL, M-FOCUS, M-S50, HI-DIV , MBT-G”

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) เผยกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ มองตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว Sideways to Sideways up ตามปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาล จึงน่าจะส่งผลให้มีแรงซื้อของนักลงทุนเข้ามาในหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมได้ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงาน เป็นต้น

ด้านสภาพัฒน์มองว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวเป็นหลัก และ ททท. ยังคงเป้าหมายของนักท่องเที่ยวปี66 ไว้ที่ 25-30 ล้านคน ซึ่ง 7 เดือนแรกปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางทางเที่ยวไทย 15,391,104 คน เติบโตขึ้น 400% เมื่อเทียบกับปี 2565 สร้างรายได้ด้านการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวถึง 663,862 ล้านบาท โดยเป็นค่าที่พัก 29% และค่าใช้จ่ายด้านอาหาร 20%

บลจ.เอ็มเอฟซี มองปัจจัยราคาหุ้นไทยยังอยู่ระดับที่น่าสนใจ ปัจจุบัน Forward P/E ของดัชนี SET Index อยู่ที่ 15.85 เท่า จึงมีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยระยะสั้นปรับจาก Neutral มาเป็น Slightly Overweight ส่วนระยะยาวให้น้ำหนักเป็น Slightly Overweight

สำหรับกองทุนแนะนำ ได้แก่ M-MIDSMALL, M-FOCUS, M-S50, HI-DIV , MBT-G

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผลการประชุมประจำปีที่เมือง Jackson Hole นายเจอโรม พาวเวล ยังคงส่งสัญญาณว่า Fed ยังไม่ปิดประตูการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มปรับตัวลงมาอย่างมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ตลาดมองโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย. อีก 0.25% เพิ่มมากขึ้น แต่ยังให้น้ำหนักคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ที่ระดับ 5.25-5.50%

อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง จากประเด็นเศรษฐกิจถดถอยที่ยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้รวมถึงความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้ รวมถึงความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้ คงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็น Neutral และมองดัชนี S&P500 ที่กรอบระดับ 4,200-4,400 จุด เป็นจังหวะในการทยอยลงทุน โดยเน้นลงทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดี (Quality Growth)

ส่วนตลาดหุ้นจีน กระทรวงการคลังจีนลดภาษีอากรสแตมป์มาที่ระดับ 0.05% จาก 0.1% เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นจีนพร้อมทั้งควบคุมบริษัทเอกชนที่เตรียม IPO ให้มีราคาเหมาะสม นอกจากนี้ขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีออกไป 2 ปีสำหรับผู้ซื้อบ้านใหม่และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับมุมมองระยะสั้น แนะนำชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์หลังจากปัจจัยเทคนิคดัชนี CSI 300 และ HSI ปรับตัวลดลงทดสอบจุดต่ำสุด และฟื้นตัวจากปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ปัจจัยราคาหุ้นจีนอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ให้น้ำหนักการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว เป็น Neutral

ด้านตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ยังส่งสัญญาณนโยบายการเงินสหรัฐฯเข้มงวดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงสู่กรอบเป้าหมาย ส่งผลให้ตลาดปรับเพิ่มโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ อีก 1 ครั้ง (คาดเดือน พ.ย.) และคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. เรามีมุมมองว่าเฟดเข้าใกล้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ Yield ตราสารหนี้สหรัฐฯ คุณภาพสูง ปรับขึ้นระดับสูง 4-5% น่าสนใจเข้าลงทุนระยะยาว

“มุมมองระยะสั้นให้น้ำหนักเป็น Neutral และมุมมองระยะยาวให้น้ำหนัก Slightly Overweight คาด Yield รับลง จากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลงสู่เป้าหมายและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯในปีหน้า” บลจ.เอ็มเอฟซี ระบุ