HoonSmart.com>> “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” (BAY) คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.00-32.75 บาท/ดอลลาร์ ติดตามประธานเฟด ปัจจัยในประเทศติดตาม “คลังหารือธปท. เรื่องเป้าหมายเงินเฟ้อและค่าเงินบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.00-32.75 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.43 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 32.38-33.02 บาท/ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนแต่แข็งค่าเล็กน้อยเทียบกับยูโรในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินที่เชื่อมโยงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างดอลลาร์ออสเตรเลียได้แรงหนุนหลังจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ซึ่งรวมถึงการลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) มาตรการฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดทุน
นอกจากนี้ เงินเยนพลิกแข็งค่าหลังจากนายอิชิบะได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP ซึ่งเขาจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนถัดไป โดยเขาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 695 ล้านบาท และ 11,885 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ตลาดในสัปดาห์นี้ว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับความเห็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ดัชนี ISM ภาคบริการและการจ้างงานเดือนกันยายนของสหรัฐฯ ขณะที่การปรับนโยบายเศรษฐกิจของจีนสอดคล้องกับทิศทางของเฟด หลังจากที่เฟดเริ่มต้นวงจรผ่อนคลายทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ย 50bps ได้สร้างพื้นที่มากขึ้นสำหรับธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลกในการลดดอกเบี้ย โดยจำกัดความเสี่ยงทุกสกุลเงินของตนจะอ่อนค่าลง สร้างความหวังให้นักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้ม Soft Landing ของเศรษฐกิจโลก ในภาวะเช่นนี้เราคาดว่าแรงสนับสนุนต่อสกุลเงินเอเชียและสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์จะยังดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ดีการที่เงินบาทปรับตัวแข็งค่าทางเดียวตลอดไตรมาส 3 ทำให้เรายังคงเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่เงินบาทจะพักฐานช่วงสั้น นอกจากนี้ ตลาดการเงินโลกเผชิญความเสี่ยงหลักจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐฯในวันที่ 5 พฤศจิกายน
สำหรับประเด็นในประเทศ ตลาดจะติดตามการหารือกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องเป้าหมายเงินเฟ้อและค่าเงินบาท ทางด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนสิงหาคมเติบโต 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 8.9% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 0.26 พันล้านดอลลาร์ โดยทางการยังคงเป้าการขยายตัวของการส่งออกปีนี้ที่ 1-2% และคาดว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะเริ่มกระทบตัวเลขส่งออกในไตรมาส 4/2567