4 โบรกฯฟันธง Q4 หุ้นขึ้น 1500 ชัวร์ ธีมหลัก”ท่องเที่ยว” ชู 24 หุ้นเด่น

HoonSmart.com>> 4 โบรกเกอร์ฟันธงหุ้นไตรมาส 4 ไปต่อแล้วจะรออะไร เริ่มด้วยต้นเดือน ต.ค.มีเงินกองทุนวายุภักษ์เข้าซื้อหุ้น ได้แรงหนุนวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง เงินบาทแข็งดึงดูดเงินนอกเข้า มีลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว ชี้เป้าดัชนี SET ดีสุด 1,550 แย่สุดแค่ 1,400 ธีมหลัก ”ท่องเที่ยว” หุ้นเด่น คือ BBL, KTB, TTB, AMATA, WHA, MTC, SAWAD, KTC, AOT, ERW, CENTEL, CPALL, CPAXT, AAV, GPSC, GULF, MINT, SCB, BJC, BH, EGCO, SIRI, SISB, ICHI

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.ย.2567 (23-27) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,450.15 จุด ลดลง 0.11% จากสัปดาห์ก่อน สวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างปรับตัวขึ้นรับข่าวจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับลดดอกเบี้ย เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันศุกร์ทิ้งมากถึง 1,804.24 ล้านบาท  พุ่งเป้าหุ้นพลังงานที่ร่วงลงตามราคาน้ำมัน กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ตลาดให้น้ำหนักธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยลงหนึ่งครั้งในปีนี้ รวมถึงการขายหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาเพิ่มขึ้นมามากแล้ว ขณะที่เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือนที่ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ (แข็งค่าสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. 2565)

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 4 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองทิศทางตลาดหุ้นไทยขาขึ้น

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นไทยช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะแกว่งขึ้นได้ หลัก ๆ มาจากส่วนต่างดอกเบี้ยไทย-สหรัฐฯที่แคบลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ย ทำให้เงินไหลเข้ามา  ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ หุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากนโยบายการเมืองที่มีการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ส่งผลต่อตลาดพอควร  ตอนนี้จะมีการจัดรูปแบบการจัดเก็บภาษีใหม่ เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีในระยะยาว

ในปี 2567 มองว่ายังมีลุ้นที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังเงินเฟ้อไทยอยู่ในกรอบต่ำมานาน จากปัจจัยการเมือง ทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐไม่มา แต่หลังจากที่การเมืองเริ่มนิ่งขึ้น  และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะเห็นเศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ดีขึ้นได้ อีกทั้งไตรมาส 4 เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่มีการจับจ่ายใช้สอย น่าจะทำให้เงินเฟ้อกลับมาได้บ้าง อย่างไรก็ดี ยังต้องระวังการเลือกตั้งในสหรัฐ และนโยบายของผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ

ส่วนหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในไตรมาส 4 มองกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน เกิดการย้ายฐานการผลิต แนะนำ AMATA, WHA และกลุ่มธนาคาร เพราะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) สูงถึง 4-5% และราคาหุ้นยังถูกเทรดแค่ 0.68 เท่าของมูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดที่เทรด 1-1.2 เท่าของมูลค่าหุ้นทางบัญชี จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว กังวล NPLs  ถ้าเศรษฐกิจไทยฟื้น กลุ่มแบงก์ก็จะกลับมา แนะนำหุ้น BBL เพราะได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงการใหญ่ ๆ มากสุด และ KTB ได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐฯ รวมถึง TTB คุณภาพสินทรัพย์ดี และให้อัตราผลตอบแทนปันผลสูง

“เป้าหมายดัชนี SET ปีนี้มองไว้ที่ 1,550 จุด ซึ่งจะเป็นเป้าหมายของไตรมาส 4 ด้วย ส่วนด้านล่างไม่ควรต่ำกว่า 1,440 จุด หากไม่หลุดมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ”นายพงศ์ภัทรกล่าว

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไตรมาส 4 หุ้นยังปรับตัวขึ้นได้อยู่ แต่อาจมีความผันผวนบ้างในระหว่างทาง มองเป้าหมายแรกไว้ที่ 1,500 จุดก่อน หากผ่านไปได้ก็จะมีเป้าถัดไปที่ 1,530 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง และกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในช่วงไตรมาส 3-4 หลายกลุ่มอุตสาหกรรมคาดว่าจะเติบโตได้ ยังให้น้ำหนักที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐฯ ทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยว หนุนการบริโภค เสริมด้วยการลงทุนของภาครัฐฯ ซึ่งจะต้องมีการเบิกจ่ายลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ ทิศทางดอกเบี้ยต่างประเทศประเทศเป็นขาลง ช่วยหนุน Fund Flow ไหลเข้า ส่วนไทยรอ  กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เมื่อไร ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า กนง.น่าจะปรับลดดอกเบี้ยหนึ่งครั้งในปีนี้ อาจจะเกิดขึ้นได้ในเดือนธ.ค.

สำหรับเงินบาทที่แข็งค่ากระทบต่อการส่งออก ส่วนเงินเฟ้อไทยมองว่ายังอยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ก็ไม่คิดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแรงมาก อย่าง Digital Wallet เข้ามาเฟสแรก 1 หมื่นบาทในกลุ่มเปราะบาง แต่เฟสสองจะทราบว่าจะมาเมื่อใด

“ต้นเดือนต.ค.นี้เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์จะเข้ามาลงทุนแล้ว น่าจะช่วยหนุนดัชนีฯให้ขยับขึ้นได้ในไตรมาส 4 โดยมองเป้าหมายดีสุดที่ 1,530 จุด เทรด P/E ที่ 17 เท่า กำไรต่อหุ้นปีนี้ 90 บาท”น.ส.ชุติกาญจน์

ในไตรมาส 4 มีหุ้นที่น่าสนใจลงทุนหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งท่องเที่ยว เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และยังมีมาตรการต่าง ๆ มาช่วยหนุนกลุ่มโรงแรม, สายการบิน, ท่าอากาศยาน  ท่องเที่ยวดีส่งถึงต่อเนื่องถึงค้าปลีกด้วย และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น เช่าซื้อ และบัตรเครดิต ได้ประโยชน์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง ด้านกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ลง และเงินบาทแข็งช่วยหนุนด้วย โดยหุ้นที่น่าสนใจลงทุน ได้แก่ หุ้น MTC, SAWAD, KTC, AOT, ERW, CENTEL, CPALL, CPAXT, AAV, GPSC, GULF, WHA

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในไตรมาส 4 ยังปรับขึ้นได้ แต่อาจจะไม่แข็งแรง ซึ่งเป้าดัชนี SET ปีนี้มองไว้ที่ 1,540 จุด อาจจะไปไม่ถึงแล้ว เนื่องจากมีความกังวลปัจจัยนอกประเทศหลายอย่าง ทั้งราคาน้ำมันที่ต่ำ จะมีผลต่อกำไรของกลุ่มพลังงาน  ซาอุดีอาระเบียได้ยกเลิกเป้าหมายราคาน้ำมัน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และจะเพิ่มกำลังการผลิต  หากราคาน้ำมันปรับตัวลง มีผลต่อดัชนี SET ให้เห็น Downside ค่อนข้างมาก และอาจเกิดการปรับลดประมาณการกำไรของกลุ่มพลังงานด้วย อย่างไรก็ดี ตอนนี้ Wait & See รอดูสถานการณ์ก่อน

นอกจากนี้ มีความกังวลเศรษฐกิจโลกหลังจากที่สหรัฐฯ และจีน ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยแรง ส่วนในประเทศจะคาดหวังเงินจากกองทุนวายุภักษ์ และ Digital Wallet อาจไม่ได้มาก เพราะดัชนีฯปรับขึ้นไปตอบรับกว่า 150 จุดแล้ว ดังนั้นนักลงทุนจะต้องระวังแรงขายทำกำไรด้วย

สำหรับการเลือกตั้งในสหรัฐ มองเป็นบวกต่อการลงทุน เพราะทุกครั้งที่เลือกตั้งจะตามมาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รอบนี้จะต้องรอดูก่อน มองกรอบดัชนีฯเคลื่อนไหวในไตรมาส 4 ไว้ที่ 1,440-1,520 จุด โดยหุ้นท่องเที่ยวเป็นธีมหลักของการลงทุนในไตรมาสนี้ แนะนำ ERW, AOT, MINT

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 4 มองเชิงบวก จากที่ Fund Flow ไหลเข้า  จากเศรษฐกิจไทยจะค่อย ๆ ดีขึ้น และตลาดยังถือว่า Laggard อยู่ รวมทั้งวัฏจักรดอกเบี้ยของสหรัฐเป็นขาลง ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้า Emerging Market

นอกจากนี้ มีแรงกระตุ้นจากมาตรการของรัฐฯ ทั้งเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ที่จะเริ่มเข้าลงทุนต้นต.ค.นี้ และไตรมาส 4 ยังมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนลดหย่อนภาษี ทั้ง กองทุน TESG, RMF เป็นต้น ดังนั้นในไตรมาส 4 คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบระดับ 1,500-1,520 จุด โดยฝ่ายวิจัยทิสโก้ให้เป้าหมายดัชนี SET ปีนี้ไว้ที่ 1,500 จุด ส่วนด้านล่างมองไว้ที่ 1,400 จุดไม่ควรหลุดแนวนี้

สำหรับเงินบาที่แข็งค่าเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจส่งออก และเพิ่มโอกาสที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เป็นกรณีดีที่สุด อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยยังคงมองว่า กนง.ไม่น่าจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ แต่อาจจะปรับลดดอกเบี้ยในปี 2568

ไตรมาส 4 หุ้นที่น่าสนใจลงทุนเป็นหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว โดยมองหุ้น 10 ตัวที่สามารถลงทุนได้ ได้แก่ หุ้น SCB, TTB, CPALL, BJC, BH, ERW, EGCO, SIRI, SISB และ ICHI