YUANTA เชียร์”ซื้อ”TU เก็ง H2/66 ฟื้น-ต้นทุนทูน่าลดลง

HoonSmart.com>>บล.หยวนต้า เชียร์”ซื้อ”หุ้น TU เก็งผลงานครึ่งหลังปี 66 ฟื้น และราคาต้นทุนทูน่าลดลง พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 15.90 บาท หลังลดทุน ด้านหุ้น TU ปิดเช้าบวก 0.72%

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) หรือ YUANTA แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรตามการฟื้นตัวของผลประกอบการในครึ่งหลังปี 66 รวมถึงราคาต้นทุนทูน่าที่ลดลง และผลของการลดทุน 116.7 ล้านหุ้นที่มาจากการซื้อหุ้นคืน ทำให้ราคาเป้าหมายถูกปรับขึ้นเป็น 15.90 บาท จากเดิมที่ 15.60 บาท

ทั้งนี้ มีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาวของ TU โดยคาดกำไรในครึ่งหลังปี 66 จะฟื้นขึ้น HoH ขณะที่ปี 67 จะกลับมาเติบโต YoY หลังจากปัจจัยกดดันหลักในปี 66 ทั้งอุปสงค์ของลูกค้าชะลอตัว และราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้นถูกคลี่คลาย

ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันที่ฟื้นขึ้นมามองว่ายังอยู่ในระดับต่ำ และยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกที่จะคลี่คลายได้มากขึ้นในครึ่งหลังปี 66 เนื่องจากราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER67 ที่เพียง 10.6 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 14 เท่า(เทียบเท่า -0.7SDของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง) นอกจากนี้เรามองราคาหุ้นมี Downside risk ที่จำกัด เนื่องจากสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติอยู่ในสถานะ Under-owned โดยมีสัดส่วนการถือครองที่เพียง 21% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 29% ทำให้ประเมินว่าหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จ มีโอกาสที่การลงทุนจากต่างชาติจะกลับเข้ามามากขึ้น

แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/66 เบื้องต้นยังคาดกำไรจะฟื้นตัวได้ต่อ QoQ จากระดับสินค้าคงคลังของลูกค้าทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปทั้งในกลุ่มของธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องและอาหารสัตว์เลี้ยงที่ลดลงต่อเนื่องหนุนการกลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นประกอบกับจะรับรู้ผลของการปรับราคาขายกับลูกค้าได้มากขึ้น และแม้ประเมินว่ากำไรเทียบ YoY จะยังชะลอลงจากฐานสูงก็ตามแต่มองว่าเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้และสะท้อนไปในราคาหุ้นปัจจุบันแล้ว(-17% YTD) ขณะเดียวกันด้านต้นทุนวัตถุดิบเริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้นจากราคาปลาทูน่าในเดือนก.ค. ที่เริ่มปรับลดลงเป็นไตรมาสแรกในรอบ 5 ไตรมาส อยู่ที่ 1,900 USD/ตัน (-5%MoM)และคาดจะยังทรงตัวได้ในเดือน ส.ค. แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูกาลงดจับปลาก็ตาม สะท้อนถึงแนวโน้มปริมาณปลาทูน่าในตลาดที่มีมากขึ้น และประเมินว่าราคาปลาทูน่าจะปรับลดลงได้ชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 4/66 ต่อเนื่องถึงปี 67 ทำให้คาด GPM ของ TU จะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องอยู่ระดับเหนือ 17% ในช่วงที่เหลือของปีนี้จากที่ทำระดับต่ำสุดของปีที่ 15.1% ในไตรมาส 1/66 แม้ค่าเงินบาทเทียบ USD จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นก็ตาม

หุ้น TU ปิดเช้าที่ 14 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +0.72% มูลค่าซื้อขาย 62.32 ล้านบาท