GPSC กู้เงินยาว 3 แบงก์รัฐ-เอกชน มูลค่า 7,000 ล้านบ.รุกพลังงานสะอาด

HoonSmart.com>>”โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ “หรือ GPSC รุกพลังงานสะอาด ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารทีเอ็มบีธนชาต ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) วงเงินรวม 7,000 ล้านบาท เพื่อปรับพอร์ตเงินกู้ มุ่งธุรกิจพัฒนาพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้านพลังงาน สอดรับกลยุทธ์องค์กร Decarbonization ให้กับกลุ่ม ปตท. ตอบโจทย์ Net Zero รองรับแผนพัฒนาพลังงานชาติ

นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า GPSC ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้รวม 3 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท กับ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (TTB) จำนวน 5,000 ล้านบาท ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) จำนวน 1,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับพอร์ตเงินกู้และสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานสะอาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

GPSC ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางการเงินทั้ง 3 แห่งนี้ ซึ่งให้ความสำคัญกับการลงทุนในพลังงานสะอาด นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทฯ เพื่อขยายธุรกิจด้านพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในการเติบโตโดยมุ่งเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทในการ Decarbonization ให้กับกลุ่ม ปตท. พร้อมกับการเสริมสร้างเสถียรภาพ (Reliability) ทางด้านไฟฟ้าให้กับกลุ่ม ปตท. ประกอบกับการหาโอกาสในการเติบโตธุรกิจใหม่ๆ สอดรับกับแนวทางการเปลี่ยนแปลงทิศทางพลังงานโลก และแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ของไทยที่มุ่งไปสู่พลังงานสะอาด และเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero

GPSC ให้ความสำคัญในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ เพื่อการอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคต่างๆ สร้างความมั่นคงในระบบพลังงานให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 65% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2569 และยังคงมุ่งเน้นแผนขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนองค์กร ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมพลังงานเพื่อความยั่งยืน 1 ใน 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดตามเป้าหมายมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2593 และ Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2603 สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมพลังงานโลก ที่เน้นการใช้พลังงานที่ยั่งยืน และให้เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม