ดาวโจนส์ปิดบวก 26 จุด Nasdaq ฟื้น NVidia หนุน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 26 จุด +0.07% จากการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ นำโดย Nvidia หนุนนดัชนี Nasdaq +1.05% ด้าน S&P500 +0.58% ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 68 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 14 สิงหาคม 2566 ที่ 35,307.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.23 จุด หรือ 0.07% จากการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ นำโดย Nvidia ด้วยบทวิเคราะห์ในมุมบวกจากมอร์แกน สแตนเลย์

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,489.72 จุด เพิ่มขึ้น 25.67 จุด, +0.58%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,788.33 จุด เพิ่มขึ้น 143.48 จุด, +1.05%

หุ้น Nvidia บวก 7.1% จากที่ถูกกระหน่ำขายจนร่วงไป 8.5% ในสัปดาห์ก่อน หลังมอร์แกน สแตนเลย์ออกบทวิเคราะห์แนะนำโดยระบุว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ Top pick ก่อนการรายงานผลการดำเนินงาน ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีใหญ่รายอื่นปรับขึ้นตาม หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นแอมะซอนบวก 1.6% หุ้น Micron Technology ผู้ลิตชิปอีกรายเพิ่มขึ้น 6.1%

หุ้นเทสลาลดลง 1.2% หลังประกาศปรับราคาขายรถในจีน

เจย์ แฮตฟิลด์ ซีอีโอของ Infrastructure Capital Advisors กล่าวว่า เป็นวันแรกที่เทคโนโลยีนำตลาดอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่า Nvidiaกำลังจะรายงานผลการดำเนินงานที่เป็นกอบเป็นกำ และช่วยหนุนกลุ่มเทคโนโลยีได้ค่อนข้างมาก

Nvidia จะรายงานผลการดำเนินงานรายไตรมาสสัปดาห์หน้า ซึ่งนักวิเคราะห์ของมอร์แกนสแตนเลย์ระบุว่า NVIDIA ยังคงเป็น Top pick ด้วยผล AI ที่จะหนุนผลการดำเนินงาน และความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่น่าจะยังมีต่อเนื่องไปอีกหลายไตรมาส

ตลาดรอการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมและรายได้จากบริษัทค้าปลีกชั้นนำหลายราย รวมถึง Home Depot , Target และ Walmart เพื่อประเมินสถานะของผู้บริโภค และทิศทางอัตราดอกเบี้ย

เทรดเดอร์ให้น้ำหนัก 89% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ในกรณีฐานว่า เฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสสองปี 2024

นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายครั้งล่าสุดของเฟด ที่กลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง เพื่อจับสัญญานการดำเนินการครั้งต่อไปของเฟดในเดือนกันยายน รวมไปถึงจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดหวังว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตามวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน กระทบต่อความเชื่อมั่น หลังจากบริษัทคันทรี การ์เดน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนเลื่อนการชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ในประเทศเป็นครั้งแรก และประกาศระงับการซื้อขายหุ้นกู้ในประเทศจำนวน 11 รุ่นเมื่อวานนี้

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้นของกลุ่มค้าปลีกและเฮลธ์แคร์ ที่กลบการร่วงลงของกลุ่มเหมืองแร่และพลังงาน ที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลต่อวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

กลุ่มเฮลธ์แคร์บวก 0.3% โดยหุ้น Philips พุ่ง 4.4% หลัง Exor NV เข้าถือหุ้น 15% ในบริษัท หุ้น Exor ลดลง 0.3%

กลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.8% โดยหุ้น B&M บวก 3% หลังดอยช์แบงก์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ลดลง 1.5% และพลังงานลดลง 0.8% นำการปรับลง ตามราคาน้ำมันดิบและโลหะพื้นฐานที่ลดลงจากแนวโน้มอุปสงค์ที่ถดถอยในจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ประกอบกับปัญหาหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังบริษัทคันทรี การ์เดน เลื่อนการชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้และประกาศระงับการซื้อขายหุ้นกู้ในประเทศจำนวน 11 รุ่น

แอนเดรีย ซิซิโอเน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของGlobalData.TSLombard กล่าวว่า ประเด็นในจีนมีผลทางลบต่อตลาดยุโรป โดยเฉพาะประเทศที่ส่งออกไปจีนมาก เช่น เยอรมนี ที่มีจีนเป็นตลาดหลัก

นอกจากนี้ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศก็มีผลต่อตลาด หลังจากเรือรบรัสเซียยิงเตือนไปไปที่เรือสินค้าในทะเลดำในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจทั้ง GDP ไตรมาสสองเบื้องต้น และเงินเฟ้อ

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 459.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.69 จุด, +0.15%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,507.15 จุด ลดลง 17.01 จุด, -0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,348.84 จุด เพิ่มขึ้น 8.65 จุด, +0.12%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,904.25 จุด เพิ่มขึ้น 72.08 จุด, +0.46%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 68 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 82.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 86.21 ดอลลาร์/บาร์เรล